ฟรีดาวโหลด McAfee SiteAdvisor for Firefox

McAfee SiteAdvisor helps protect you from all kinds of Web-based security threats including spyware, adware, spam, viruses, browser exploits, phishing, online fraud and identity theft. Our automated testers continually patrol the Web to browse sites, download files, and sign-up for things with e-mail addresses. As you search, browse, download or register online, SiteAdvisor's safety ratings help you stay safe and in control. ขอแนะนำโปรแกรม McAfee SiteAdvisor สำหรับผู้ใช้งานโปรแกรม Firefox ในการท่องเน็ตอาจจะติดไวรัสได้ง่ายๆ ทางป้องกันที่ดีอีกทางหนึ่งก็คือติดตั้งตัวช่วยป้องกันไวรัส หรือกรองไวรัส เพื่อป้องกันการใช้งานเว็บไซต์ที่อาจจะมีไวรัสแฝงตัวอยู่ รวมทั้ง spyware, adware, spam, viruses การหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต ด้วยฟรีแวร์ตัวนี้จากค่าย Mcafee ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมานานในด้านการป้องกันไวรัส ดังนั้นจึงปลอดภัยหายกังกลได้อีกทางหนึ่งว่าจะติดไวรัสจากอินเตอร์เน็ตหรือไม่ สนใจสามารถดาวโหลดได้จากลิงค์ด้านล่างครับ Link to downloa http://download.cnet.com/McAfee-SiteAdvisor-for-Firefox/3000-11745_4-10493671.html?tag=buyingGuidesBodyColumn.1;psum การติดตั้งและการใช้งานโปรแกรม 1 หลังจากดาวโหลดมาแล้วให้เรารัน setup.exe ขึ้นมาจะได้ภาพตามตัวอย่างด้านล่าง จากนั้นให้คลิกปุ่ม Install เพื่อเริ่มการติดตั้งโปรแกรม 2 ให้เราคอยสักพักหนึ่ง จนการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย จากนั้นให้คลิกปุ่ม Finish (ตามภาพตัวอย่าง) 3 จากนั้นเมื่อเราเปิดโปรแกรมท่องเน็ต เช่น IE. หรือ Firefox ขึ้นมา ก็จะมีแถบเมนู icon ติดอยู่กับ Taskbar ของโปรแกรม เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยในการท่องเน็ตให้เรา (ดูภาพประกอบ) 4 ภาพแสดง Icon และควมหมายของแต่ละ Icon # เครื่องหมายถูกสีเขียว แสดงว่า ปลอดภัย # สีเหลือง อาจจะไม่ปลอดภัย (มีอัตราเสี่ยง แต่ไม่สูงมากนัก) # สีแดง อันตราย ถ้าเข้าไป คาดว่า จะเจอไวรัสแน่นอน # เครื่องหมายคำถาม ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจาก McAfee SiteAdvisor เห็นไหมครับว่าไม่ยากอย่างที่คิดเลย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้การท่องเน็ตของเรามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นแล้วครับ ขอแนะนำเลยครับ สำหรับใครที่มีความจำเป็นต้องใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ

ความหมายและความแตกต่างของ Web 2.0



ความหมายและความแตกต่างของ Web 2.0
การใช้งาน Internet ในอดีตนั้นเป็นแบบ Web 1.0 เป็นการใช้ข้อมูลด้านเดียว เว็บ 1 เว็บจะมีผู้ใช้ 1 คนคือ web master หรือผู้สร้างเว็บ เป็นผู้ให้ข้อมูล และ ผู้เข้าชมเว็บเป็นผู้รับข้อมูล จะรู้จักแค่การรับ-ส่งอีเมล์ (E-Mail), เข้าแชตรูม (Chat Room), ดาวน์โหลดภาพและเสียง หรือไม่ก็ใช้ Search Engine เพื่อหาข้อมูลหรือรายงาน รวมทั้งการใช้ Web board เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
คุณเคยเขียนวิจารณ์หนังสักเรื่องลงใน Blogส่วนตัวของคุณหรือเปล่า , หรืออาจจะเคยอ่านคำแนะนำการเลือกซื้อครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังจาก Blog ของคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้, แชร์คลิปวีดีโอที่ทำเองให้คนอื่นได้เข้ามา ดู และออกความคิดเห็นรวมทั้งดาวน์โหลดไปเก็บได้ , เข้าไปวิจารณ์เรื่องสั้น ของนักเขียนสมัครเล่นในกระทู้ , สมัครรับข่าวสารสินค้าโปรโมชั่นลดราคา จากห้างสรรพสินค้าเจ้าประจำผ่านระบบ RSS ฯลฯ หากคุณตอบว่าใช่เพียงข้อใดข้อหนึ่งจากทั้งหมด นั่นละ คุณกำลังสัมผัสเทคโนโลยี Web 2.0 อยู่
Web 2.0 ทำให้คำว่า Web ไม่ใช่แค่ Noun อีกต่อไป แต่กลายเป็น Verb เป็นการติดต่อ 2 ทาง และผู้ใช้เป็นผู้สร้าง Content ไม่ใช่ Content Provider อีกต่อไป

ความหมายของ Web 2.0 คือ Social network ที่เน้นการแบ่งปัน การแชร์กัน ของสิ่งที่ตัวเองมี โดยเขียนโพสท์ลงบนBlog Web 2.0ถูกนำมากล่าวถึงอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในการประชุม web development ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2547 ซึ่งนำโดย O’Reilly Media และ MediaLive International มีการตีความหมายของ Web 2.0 หลากหลายด้วยกัน ซึ่งสรุปได้ว่า Web 2.0 เป็นระยะที่สองของสถาปัตยกรรม และการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นยุคที่สองของให้บริการบนอินเทอร์เน็ต หลังจาก Web 1.0 เริ่มเสื่อมความนิยมลง

Web ในยุคที่ 2 นี้จะให้ความสำคัญกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยผู้ที่เข้าไปใช้งานนั้นจะมีส่วนร่วมกับเว็บนั้น ๆ มากขึ้น และไม่ใช่แค่เพียงแวะเข้ามาเยี่ยมชม หรืออ่านอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ (Co-Creation) ให้กับเว็บไซต์แห่งนั้นอีกด้วย

การเกิดขึ้นของ Web 2.0 ได้ทำให้รูปแบบการนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป เกิดเว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วมเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น

· Wikipedia สารานุกรมออนไลน์

· Weblog Wordpress.com Blogger.com หรือของไทยที่ Bloggang.com ที่มี blog จำนวนเกือบห้าแสน blog แล้ว

· Podcast จัดรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ของตัวเองได้เลย ได้รับความนิยมมากขึ้นจากยอดขายเครื่องเล่น mp3 แบบพกพาที่มากขึ้น

· Media Sharing Youtube.com, Flickr.com

· Social Network Hi5, Twitter

· อื่น ๆ Sourceforge.org , Google Maps , Google Earth

Web1.0 แก้ไขอัพเดตข้อมูลต่างๆในหน้าเว็บได้เฉพาะ Webmaster หรือคนดูแลเว็บไซต์เท่านั้น แต่ Web2.0 สามารถสื่อสารตอบโต้ได้ทั้งผู้สร้างเว็บและผู้ใช้เว็บ เช่น Blog หรือการโพสต์กระทู้ต่าง ๆ สร้างเรตติ้งแบบปากต่อปากได้ยาก เนื่องจากสื่อสารทางเดียวแต่ Web 2.0 สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบปากต่อปากได้ดังไฟลามทุ่ง จากการแนะนำผ่าน Blog ส่วนตัว คุณอาจตัดสินใจซื้อครีมชนิดนั้นมาใช้เพราะคนที่ใช้แล้วดีมาเขียนบอกใน Blog หรือเลิกซื้อขนมปังยี่ห้อนั้นไปตลอดชีวิต เมื่อมีคนถ่ายภาพราขึ้นแฮมจากร้านนั้นมาลงให้ดู ซึ่งเป็นสิ่งที่ Web 1.0 ไม่อาจทำได้ Web 1.0 ให้ข้อมูลความรู้แบบตายตัว การเปลี่ยนแปลงแก้ไขขึ้นอยู่กับ Webmaster แต่ Web 2.0 สามารถต่อยอดข้อมูลต่างๆออกไปได้ไม่จำกัด และข้อมูลจะถูกตรวจสอบคัดกรองอยู่ตลอด ตัวอย่างเช่น Wikipedia ที่ใครก็สามารถเขียนในสิ่งที่ตนรู้ลงไปได้

Firefox: เพิ่มเสิร์ช Wolfram|Alpha

สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ชื่นชอบความสามารถของ Wolfram Alpha เสิร์ชเอ็นจิ้นตัวใหม่ที่มีกลไกในการหาคำตอบด้วยการรวบรวมองค์ความรู้แขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำค้น เพื่อใช้ประกอบการทำการบ้าน เชื่อว่า ทิปนี้น่าจะเหมาะกับคุณ



เนื่องจากแทนที่จะต้องพิมพ์ URL เพื่อรอเข้าไปยังเว็บไซต์ Wolfram Alpha แล้วจึงพิมพ์คำค้น เพื่อหาคำตอบที่ต้องการ คงจะดีไม่น้อยถ้ามันอยู่ในรายการ Search Box ของ Firefox เพราะเพียงแค่เลือกเสิร์ชที่จะใช้เป็น Wolfram Alpha จากนั้นพิมพ์คำค้นที่่ต้องการคำตอบเข้าไปแล้วกด Enter รอสักครู่ผลลัพธ์การค้นก็จะปรากฎขึ้นมาในแท็บที่ active อยู่ในขณะนั้น


สำหรับผู้ใช้ที่ได้ทำการปรับแต่งให้ Firefox ยกเลิกการใช้กล่องค้น (search box) ก็สามารถเรียกคืนกลับมาได้ด้วยการคลิกขวาบนพื้นที่ว่างด้านข้างช่องป้อน URL แล้วเลือกคำสั่ง Cutomize... จากนั้นคลิกปุ่ม Restore Default Set เพียงแค่นี้ Search Box ก็จะกลับมาพร้อมให้บริการเหมือนเดิม



ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ การติดตั้งปลั๊กอินเสิร์ชตัวนี้ โดยเข้าไปที่ xoxco.com แล้วคลิกปุ่ม Install the WolframAlpha Search Plugin เพียงแค่นี้ รายชื่อเสิร์ชของ WolframAlpha ก็จะปรากฎอยู่ในรายการแล้ว

ที่มา http://www.arip.co.th/tips.php?id=409029

เปิดให้ดาวน์โหลด Windows 7 RC อย่างเป็นทางการแล้ว


เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เริ่มเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำการดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการ Windows 7 เวอร์ชั่น Release Candidate ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยระบบปฏิบัติการ Windows 7 เวอร์ชั่น Release Candidate นี้ เปิดให้ผู้ใช้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไปทดสอบประสิทธิภาพได้ฟรี ผ่านทางเวบไซต์ของต้นสังกัด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการเปิดให้ทดสอบสำหรับผู้พัฒนาไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา โดยในเวอร์ชั่นนี้ จะรวบรวมเอาฟังก์ชั่นที่มีอยู่ในเวอร์ชั่นเต็มเกือบทุกฟังก์ชั่นเข้ามาให้ร่วมทดสอบ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนการโต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านทาง touch-screen เพื่อทดสอบความเข้ากันของการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ โดยจะเปิดให้สามารถใช้งานได้ทุกฟังก์ชั่นจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2010 ซึ่งภายหลังจากนี้ หากผู้ใช้ต้องการอัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็นแบบเต็มรูปแบบ ก็สามารถที่จะทำการซื้อเพื่อใช้บริการต่อได้ สำหรับข่าวลือที่ว่า จะมีการเปิดจำหน่าย Windows 7 อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ตุลาคมนี้นั้น ทางไมโครซอฟท์เองต้องรอดูผลตอบรับของเวอร์ชั่น RC ที่ส่งออกมาทดสอบก่อน ถึงจะสามารถกำหนดวันจำหน่ายที่แท้จริงได้

10 เทคนิคเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้คอมพิวเตอร์ของคุณ

ทุกวันนี้ทุกๆคนต่างก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นของตนเองทั้งแบบพกพา โน้ตบุ้ก หรือแบบตั้งโต๊ะ รวมทั้งการใช้งานอินเตอร์เน็ต เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เกี่ยวกับความปลอดภัยจากอินเตอร์เน็ต จริงๆแล้วคนส่วนมากอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามจากอินเตอร์เน็ต เนื่องจากเครื่องเหล่านั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยของระบบเชื่อมต่อ net แต่ถ้าเราไม่มีระบในการป้องกันเราก็อาจจะเสี่ยงต่อการโจมตีจากผู้บุกรุกหรือไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆมากมายบนโลกของ Net ได้ ทางทีดีเราควรหาทางป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้ปลอดภัยจะดีกว่า โดยใช้เทคนิค 10 ข้อดังต่อไปนี้เพิ่มความปลอดภัยให้คอมพิวเตอร์ของคุณ 1. หมั่น Update โปรแกรมวินโดว์ของเราให้ปลอดภัย (ผู้ที่ใช้งานวินโดว์ของแท้นะครับ)โดยกำหนดค่าเป็น windows autometic update 2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดี เช่น avira,nod32,bitdefender,etc ซึ่งราคาก็ตกประมาณ 800-1000 บาทโดยประมาณ แนะนำให้จ่ายเงินชื้อนะครับ เพราะถ้าใช้งานแบบ freeware แล้ว ประสิทธิภาพการป้องกันก็จะลดลงไปครับ 3. ติดตั้งกำแพงป้องกันผู้บุกรุก a personal firewall เช่นของ SyGate (http://www.sygate.com/) และของZoneAlarm (http://www.zonelabs.com/) ซึ่งมีเวอร์ชั่น free อยู่ด้วยครับ เอาไว้เสริมโปรแกรมไวรัสอีกทางหนึ่ง 4. ติดตั้งโปรแกรมป้องกัน Antispyware.(โปรแกรมป้องกันไวรัสในปัจจุบันถ้าเป็นแบบ internet security ส่วนใหญ่จะรวมความสามารถแบบครบวงจรคือการป้องกันไวร antispyware มาด้วยอยู่แล้ว) 5. กำหนดรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ที่ปลอดภัย และเปลี่ยนรหัสผ่านตามห้วงเวลา รหัสผ่านควรจะมีอย่างน้อย 7 หลัก และควรผสมกันทั้งตัวเลขและตัวอักษร รวมทั้งมีสัญลักษณ์ด้วยยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น f8izKro#l ซึ่งจะทำให้ยากมากขึ้นสำหรับใครก็ตามที่ต้องเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา 6. ถ้าเราใช้งานบริการ email เช่น Outlook หรือ Outlook Express, ให้ update เป็น version ล่าสุด เนื่องจาก version เก่าจะมีปัญหาด้านความปลอดภัยมาก 7. หลีกเลี่ยงการเปิดเมลที่ส่งมาจากผู้ที่เราไม่รู้จัก เพราะปัจจุบันเป็นปัญหามากที่สุดเลยก็คือพวก เมลปลอม เมลหลอกลวง ทางที่ดีถ้าเห็นอะไรที่แปลกๆ ควรจะลบทิ้งไป ไม่ควรเสี่ยงที่จะเปิดดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อาจจะทำให้เราตกเป็นเหยื่อของมัน 8. ตรวจสอบ Versign SSL (Secure Sockets Layer) ประกาศรับรอง Certificate (หรือ logo) ก่อนที่เราจะทำธุรรรมทางการเงินบนอินเตอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิตของคุณบน website. 9. อย่าคลิกปิด Auto-Protect โปรแกรมป้องกันไวรัสของเราเป็นอันขาด ถ้าโปรแกรมป้องกันไวรัสของเราไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว เราต้องทำการสแกนไฟล์ต่างๆก่อนเปิดทุกครั้ง 10. อย่าให้รหัสผ่านของเรากับใคร อันนี้สำคัญมากที่สุด

ขั้นตอนการติดตั้งเครื่องพิมพ์ บนเครือข่าย

สำหรับบทความสั้นๆนี้ผมจะขอแนะนำการติดตั้งเครื่องพิมพืผ่านระบบเครือข่าย (Printer sharing) ที่มีการเปิดแชร์ไว้ในระบบเครือข่ายของเรา การติดตั้งก็สามารถทำตามขั้นตอนคล้ายๆกับการติดตั้งเครื่องพิมพ์แบบปกติ Local Printer แต่ก็มีจุดที่ต้องเลือกต่างกันดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start จากนั้นคลิก Control Panel ทางด้านขวาของเมนู

2. คลิก Printers กรณี Control Panel อยู่ในมุมมองแบบแยกประเภท Category View.

หรือไม่ก็ double-click ปุ่ม Printers and Faxes กรณีอยู่ในมุมมองแบบ Classic View.

3. คลิกแถบลิงค์ Add a Printer จะนำเข้าสู่ Add Printer Wizard จากนั้นให้คลิกปุ่ม Next button,

4. คลิกปุ่ม Network Printer หรือ Printer Attached to Another Computer จากนั้นคลิก Next

5. ถ้าเรารู้จักชื่อของเครื่องพิมพที่เปิดแชร์ไว้ ให้เราเลือกและคลิก Connect to This Printer หรือคลิก browse เพื่อค้นหาเครื่องพิมพ์ , เลือกเครื่องพิมพ์ที่เปิดแชรไว้ จากนั้นคลิก Next ปกติการกำหนดชื่อหรือค่าของเครื่องพิมพ์นี้ผู้ดูและระบบจะรู้ดี ถ้าเราไม่ทราบก็สามารถสอบถามจาก Admin ได้ ซึ่งจะเป็นการระบุ Path หรือ url ของเครื่องพิมพ์ที่อยู่ในระบบเครือข่าย หรืออินเตอร์เน็ต

6. ในช่อง Browse ค้นหา Printer , เลือกชื่อของเครื่องพิมพ์ที่มีการแชร์ไว้ จากช่องเครือข่าย.

เมื่อเราคลิก printer icon ในกล่องนี้แล้ว, ระบบก็จะใส่เส้นทาง path ไปยังเครื่องพิมพ์ที่เปิดแชร์ไว้ให้โดยอัตโนมัติ.

7. คลิก Next button เพื่อเข้าสู่การกำหนดค่า Default Printer dialog box.

ถ้าเราต้องการกำหนดให้เครื่องพิมพ์ที่เราติดตั้งเป็นค่า default printer (เครื่องพิมพ์หลักของเรา) ซึ่งเวลาสั่งพิมพ์งานเครื่องพิมพ์ตัวนี้ก็จะถูกใช้งานเป็นเครื่องแรกนั้นเอง

8. คลิก Next button เพื่อเข้าสู่หน้าต่างการติดตั้งที่เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นคลิกปุ่ม Finish button

จากนั้นเมื่อเราเปิดโปรแกรมพวก Word 2002 and Excel 2002, หรือสั่งพิมพ์จาก Windows ก็สามารถดำเนินการได้ทันที

ถ้าเราต้องการเปลี่ยนไปใช้เครื่องพิมพ์ตัวอื่นๆที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของเรา (นอกเหนือจากระบบเครือข่าย) ให้เราเปิดโปรแกรมเอกสารที่ต้องการพิมพ์งานขึ้นมาจากนั้นให้เราเลือก File-->Print) จากนั้น เลือกเครื่องพิมพ์ตามที่เราต้องการจากเมนู drop-down list box.

วิธีกำหนดให้วินโดว์แสดงนามสกุล และไฟล์ที่ซ่อนออกมา

โดยปกติแล้ว วินโดว์จะทำการซ่อนนามสกุลของไฟล์เอาไว้ เพราะมีการแสดงเป็นรูป Icon แล้ว และเมื่อเราทำการเปลี่ยนชื่อไฟล์ ก็จะไม่มีผลทำให้นามสกุลของไฟล์เปลี่ยนไป ซึ่งจะมีผลทำให้วินโดว์มองไฟล์ตัวนั้นเป็นประเภทอื่นๆ ที่ไม่ถูกต้องตามความจริง เช่น ถ้าเราเปลี่ยนนามสกุลของไฟล์ จาก .jpg เป็น .xls จะทำให้วินโดว์เห็นไฟล์นั้นเป็นไฟล์ของโปรแกรม Microsoft Excel และเมื่อเราดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์นั้น วินโดว์จะพยายามใช้โปรแกรม Microsoft Excel เปิดไฟล์นั้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการผิดพลาด
นอกจากไม่แสดงนามสกุลของไฟล์แล้ว วินโดว์ก็ยังไม่แสดงไฟล์ที่ถูกกำหนดให้เป็น Hidden และ System ไฟล์ด้วย ไฟล์ที่ถูกกำหนดให้ซ่อนนั้นโดยปกติ จะใช้กับไฟล์ที่มีความสำคัญต่อระบบวินโดว์ ดังนั้นเพื่อป้องกันการเข้าไปแก้ไข หรือลบไฟล์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งจะทำให้ระบบเกิดปัญหาได้ วินโดว์จะทำการซ่อนไฟล์ที่ถูกกำหนดให้เป็น Hidden และ System ไฟล์ไว้

สาเหตุที่ต้องแสดงนามสกุล และไฟล์ที่ซ่อน
ถึงแม้การซ่อนนามสกุล และ System ไฟล์ จะอำนวยความสะดวก และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับระบบวินโดว์ได้บางส่วน แต่ บางครั้งเราก็ต้องการให้แสดงนามสกุล และไฟล์ที่วินโดว์ซ่อนออกมา เพื่อตรวจสอบ, แก้ไข, ตรวจหาไวรัส หรือสาเหตุใดๆ ก็ตาม

วิธีการกำหนดวินโดว์
เปิด My Computer หรือโปรแกรม Windows Explorer โดยการกดปุ่ม วินโดว์บนคีย์บอร์ด + E
คลิกที่เมนู Tools แล้วคลิกที่ Folder Options


คลิกที่แท๊ป View
คลิกเลือก Show hidden files and folders
เอาติ๊กถูกที่ Hide extensions for known file types ออก



เอาติ๊กถูกที่ Hide protected operating system file (Recommended) ออก จะมีหน้าต่างขึ้นมาถามเราว่า แน่ใจนะว่าต้องการให้แสดงไฟล์ระบบออกมา เราก็ทำการยืนยันโดยการคลิกที่ปุ่ม Yes เสร็จแล้วก็คลิกที่ปุ่ม Apply
จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Apply to All Folders เพื่อให้มีผลกับทุกโฟลเดอร์ ก็จะมีหน้าต่างให้เรายืนยันอีก ก็ให้คลิกที่ปุ่ม Yes