Pseudocode คืออะไร?

Pseudocode คืออะไร?
เครื่องคอมพิวเตอร์ือเครื่องจักรคำนวณที่ทำงานตามคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดังนั้นอุปกรณ์มือถือ Android ก็เป็นคอมพิวเตอรื และ App ก็เป็นโปรแกรม เช่นกัน
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจภาษาของมนุษย์ในการสื่อสารหรือการสั่งทำงาน ดังนั้นโปรแกรม App จึงต้องเขียนในรหัสหรือโค้ดภาษาที่คอมพิวเตอร์จะเข้าใจ เช่น Java คำสั่งในการทำงานในภาษา Java เรียกว่าโค้ด และสามารถเข้าใจได้โดยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือมือถือ

แต่ว่าการเขียนโค้ดภาษาโปรแกรม ก็จะดูยุ่งยากและสับสนได้ง่าย ดังนั้นขั้นตอนแรกเราจึงนิยมเขียนคำสั่งในรูปแบบที่มนุย์หรือคนเราสามารถอ่านและเข้าใจได้ โดยเราเรียกการเขียนคำสั่งแบบนี้ว่า Pseudocode ซึ่งมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่อ่านเข้าใจ


ตั้งรหัสผ่านในการเปิดดูและแก้ไข้ไฟล์เอกสาร

ขั้นที่ 1 ให้เราเลือกงานที่เราต้องการ





ขั้นที่ 2 กด Toois



ขั้นที่่ 3 กด General Options


ขั้นที่ 4 ใส่รหัสที่เราต้องการ 


ขั้นที่ 5 กด ok 


ขั้นที่ 6 ออกแล้วลองเข้า 



ใส่รหัสที่เรา ตั้งไว้ เพียงแค่นี้ ก็ป้องกันข้อมูลข้อ เรา ให้ปลอดภัย ได้แล้วครับ 
ถ้าต้องการเปลี่ยนรหัส หรือ ต้องการเอารหัสออก ก็ กดเหมือนเดิม และ ลบ รหัสออก




ทำความรู้จักกับตัวแปรหรือ Variables

ในการพัฒนาแอพด้วย Android Studio สิ่งหนึ่งที่เราต้องเข้าใจความหมายและวิธีการนำเอามาใช้งานก็คือ ตัวแปร หรือภาษาอังกฤษคือ Variables นั้นเอง
ความหมายตามความเข้าใจากการศึกษา และทดลองใช้งานตัวแปร หมายถึง ตัวเลข หรือตัวอักษร ที่เรากำหนดหรือควบคุมไม่ได้ ไม่ได้เป็นค่าคงที หรือตายตัว เช่น ปกติคนเราดื่มน้ำวันละ 5-8 แก้วต่อวัน แต่ในหน้าร้อน เราอาจจะมีความต้องการดื่มน้ำมากขึ้น เป็น 8-10 แก้ว ต่อวันเป็นต้น ค่าตัวเลข ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจาก อากาศร้อน ถือเป็นตัวแปร ที่ส่งผลกระทบต่อตัวเลข หรือจำนวนค่าประมาณ ความต้องการดื่มน้ำของคนเราในแต่ละวันเป็นต้น ประมาณนี้ครับ สำหรับค่าตัวแปร

Literal Value : หมายถึงค่าคงที่และค่าตายตัว เช่น ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว เป็นต้น
เพื่อหลีกเลี่ยงการเขียนค่าเดิมซ้ำๆ ในการพัฒนาโปรแกรม จึงมีการอ้างอิงชื่อของตัวแปร เพื่อให้ง่ายต่อการเขียนโค้ดภาษานั้นเอง

ตัวอย่างการเขียนค่าตัวแปรในภาษา Java
ก่อนอื่นก็ต้องประกาศค่าตัวแปร หรือ Declare variables กันก่อน
เริ่มจาก

  1. ชนิดของตัวแปร
  2. ชื่อตัวแปร
  3. และค่าเริ่มต้นของตัวแปร

ยกตัอย่าง
int ชนิดของตัวแปร
variables name ชื่อตัวแปร
initial value ;
int numberOfCoffees = 2 ;
เพิ่มเติมมือใหม่
int ย่อมาจาก integer หมายถึง ข้อมูลที่เป็นตัวเลข รวมทั้ง 0 ด้วย และค่า - ด้วย

ตัวอย่าง Code
/**
* This method is called when the order button is clicked.
*/
public void submitOrder(View view) {
int numberOfCoffees = 3 ;
display(numberOfCoffees);
displayPrice(numberOfCoffees*5);
}




พื้นฐานการพัฒนาแอพแบบโต้ตอบกับผู้ใช้งาน Android Studio

จากเนื้อหาตอนแรก ทีมีการแนะนำการสร้างแอพง่ายๆ แบบหน้าเดียวหรือ Single page นั้น สำหรัการพัฒนาในเนื้อหาต่อๆไป จะเป็น การเพิ่มการพัฒนาในส่วนที่เป็นการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน เช่น การเพิ่มช่อง ใส่ข้อมูล และปุ่มคำสั่การทำงาน หรือ ประมวลผล เป็นต้น
ซึ่งในเนื้อหานี้ จะเกี่ยวข้องกับการศึกษาและทำความเข้าใจกับ หน้าต่างกิจกรรมหลักของแอพ ที่เรียกกันว่า Main Activity ซึ่งโปรแกรม Android Studio จะสร้าง Code ภาษา Java ให้กับเราในส่วนนี้
การพัฒนาในขั้นตอนนี้ จะมีความน่าสนใจ และความท้าทายมากกว่า การพัฒนาแบบเบสิก ที่ยังไม่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้นั้นเอง
โดยหลักแล้ว ก็จะมีแอพที่ใช้งานทั่วไป จะประกอบกันเป็นหน้าหลัก หน้ารอง ซึ่งเชื่อมโยง และลงรายละเอียด ที่สัมพันธ์และเชื่อมโยงกัน คล้ายๆ กับการสร้างลิงค์ในการออกแบบเว็บไซต์
สิ่งที่ต้องทำคือ การออบแบบขั้นตอน ว่าต้องการอะไร จากหน้าแรก ไปหน้าสอง หน้าสาม และ หน้าต่อๆไป
สำหรับการออกแบบขั้นตอน แนะนำให้เขียนเป็นผังลำดับ ลงในหน้ากระดาษ จะช่วยให้เกิดความคิด และไม่ลืมขั้นตอนได้
สำหรับขั้นตอนนี้ จะเป็นการแนะนำ Code ภาษา Java ซึ่งจะมีการนำมาพัฒนาและใช้งานควบคู่ไปกับภาษา XML ในการพัฒนาแอพ
สำหรับคนที่ยังไม่มีพื้นฐานภาษา Java แรกๆ ก้อาจจะงงๆ และไม่คุ้นเคยมากนัก ก้ค่อยๆ ลองศึกษา และพยายามทำความเข้าใจ จากบนพื้นฐานและ รหัสที่ง่ายๆ ไปก่อน แน่นอนว่า เมื่อผ่านไปสักระยะ ก็จะเริ่มเข้าใจได้ดีขึ้น แน่ๆ
ขอแค่อย่าพึงท้อไปเสียก่อน




ตัวอย่าง Code

android:layout_width="wrap_content"
android:text="Order"
android:layout_marginTop="16dp"
android:onClick="submitOrder"
android:layout_height="wrap_content" />

จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีรหัสโค้ด ปุ่มทำงาน ที่สามารถประมวลผลการทำงานได้ (อักษรสีแดง)
หลักการทำงาน เมื่อปุ่มหน้าจอ ถูก กด จะไปเรียกคำสั่งทำงาน ที่อยู่อีกไฟล์หนึ่ง เป็นรหัสภาษาแบบ java

/**
* This method is called when the order button is clicked.
*/
public void submitOrder(View view) {
display(1);

}

จะเห็นว่าภาษาจาว่า จะมีกฏการเขียน เริ่มต้นด้วย เครื่องหมาย Curly brackets or braces
เครื่องหมายวงเล็บปีกกา เปิด และปิด

โดยย่อ จะมีการสร้างเมธอด เมื่อปุ่มถุกกด ขึ้นมา จากนั้นก็จะมีการเขียนโค้ดเพื่อประกาศเมธอด หรือว่า Declare method เพื่อแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอ

/**
* This method displays the given quantity value on the screen.
*/
private void display(int number) {
TextView quantityTextView = (TextView) findViewById(R.id.quantity_text_view);
quantityTextView.setText("" + number);

}

ผลการทำงาน ก็จะได้แสดงผล เป็น เลข 1
display(1);

ถ้าเราลองทดสอบเปลี่ยนเป็นตัวเลขอื่นๆ แล้วลองทดสอบบนหน้าจอมือถือ 
ลองใช้ Math expression เช่น 2*2 ถ้ากดปุ่มจะได้ =4 เป็นต้น
หรือจะลองใส่ เป็น 18*3 + 5 ก็สามารถลองใส่โจทย์เลข เพื่อคำนวนได้ เช่นกัน 
ดูเพิ่มเติม เกี่ยวกับตัวสั่งทำงานตัวเลขในภาษา Java 

https://docs.oracle.com/javase/tutorial/java/nutsandbolts/opsummary.html

การสร้างหมวดหมู่บทความ Joomla

การสร้างเนื้อหาให้กับเว็บไซต์ สำหรับ Joomla! จะเรียกเนื้อหาที่สร้างขึ้นว่า Article หรือบทความนั่นเอง โดยปกติ ในกรณีที่มีการติดตั้ง Joomla! พร้อมตัวอย่างข้อมูลลงไปด้วย ก็จะมีบทความตัวอย่างที่ผู้พัฒนา Joomla! ได้ใส่ไว้ โปรแกรม Joomla! ก็จะเรียกข้อมูลของบทความดังกล่าวขึ้นมาแสดง


บทความที่สร้างขึ้นใน Joomla! นั้น เราควรแบ่งให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เป็นระเบียบและง่ายต่อการอ้างอิง การค้นหา บทความที่จะเลือกมาใช้งาน เช่น การทำเมนู หรือการทำลิงค์กับบทความ ซึ่ง Joomla!จะมีวิธีการแบ่งหมวดหมู่การจัดการเนื้อหา Contents บนเว็บไซต์ ออกเป็น 3  ระดับด้วยกัน คือ



  1. Section หรือหมวดหมู่บทความ ซึ่งก็คือการแบ่งกลุ่มของเนื้อหาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ นั่นเอง
  2. Category หรือประเภทของบทความ เป็นการแบ่งเนื้อหาเป็นกลุ่มย่อยๆ อีกที
  3. Article หรือบทความ ซึ่งจะอยู่รวมกันใน Category

Joomla! สามารถสร้างจำนวนของหมวดหมู่และประเภทของบทความได้ไม่จำกัด จริงๆแล้วอาจจะไม่จัดหมวดหมู่ให้กับบทความก็ได้ โดยบทความนั้นจะไปอยู่ในหมวดหมู่ที่เรียกว่า Uncategoried ทำให้ไม่ต้องมี Category ในหมวดหมู่นี้
แต่แนะนำว่า ให้กำหนดหมวดหมู่บทความจะดีที่สุด

วิธีการสร้างหมวดหมู่และบทความ (Section)

1 Log in ในส่วนของผู้ดูแลระบบหรือ Admin  แล้วเลือกเมนู Content แล้วกด Section Manager
2จะเข้าสู่หน้า  Section Manager ให้คลิกปุ่ม New เพื่อสร้างหมวดหมูบทความ
3 ในช่อง Title ให้ใส่ชื่อหมวดหมู่บทความ
4 ที่ Published ให้คลิกเลือก Yes เพื่อแสดง
5 ช่อง Access Level ให้กำหนดระดับผู้ใช้งานที่สามารถเข้าถึงได้
6 คลิกปุ่ม Save เพื่อจัดเก็บข้อมูลของหมวดหมู่บทความ


การสร้างประเภทบทความ (Category)

ภายใต้หมวดหมู่บทความ จะมีการสร้างประเภทบทความดังนี้
1 Log in ในส่วนของผู้ดูแลระบบหรือ Admin  แล้วเลือกเมนู  Content; Category Manager
2 จะเข้าสู่หน้า  Category Manger .คลิกปุ่ม New เพื่อสร้างประเภทบทความใหม่
3 ในช่อง Title  ให้พิมพ์ชื่อประเภทบทความ
4 ที่ Published ให้คลิก Yes เพื่อแสดงบทความในประเภทบทความนี้ทางเว็บไซต์
5 ให้เลือกหมวดหมู่บทความที่จะจัดเก็บประเภทบทความ

วิธีการปรับขนาดของรูปภาพบนแอพ Android Studio

การเขียนแอพบน Android Studio มีทั้งข้อมูลการจัดตำแหน่งของวัตถุ บนหน้าจอ เช่น ภาพ หรือข้อความ สำหรับการจัดตำแหน่งและขนาดของภาพบนหน้าจอมือถือ สามารถกำหนดโดยเชียนภาษา XML ในการควบคุมการแสดงผลของภาพ แบบนี้
โดยศัพท์แสงที่นำมาใช้งานกันก็คือ Scale Type
จะมีการจัดตำแหน่งของภาพ เป็นกึ่งกลาง  กำหนดเป็น Scale Type center
และกึ่งกลางแบบตัดขอบให้พอดีหน้าจอ Scale Type center crop
การจัดลำดับหรือ Arrange ตำแหน่งของภาพ หรือข้อความบนหน้าจอ เพื่อให้สามารถเห็นข้อความตามต้องการ
ลองดูตัวอย่างการเขียนโค้ด สำหรับการจัดขนาดภาพตรงกลาง
android:src="@drawable/android_party"
android:layout_width="match_parent"
android:layout_height="match_parent"
android:scaleType="centerCrop"
/>

สำหรับมือใหม่หรือผู้สนใจ หากต้องการเห็นความแตกต่างของการจัดภาพ ระหว่าง Scale Type center กับ Scale Type center Crop ก็แนะนำ ให้ทดสอบโค้ดทั้งสองแบบดู เพื่อดูความแตกต่างด้วยตนเอง


ทบทวนขั้นตอนสำหรับการออกแบบแอพ
1 การออกแบบมุมมอง เป็นข้อความ รูปภาพ ปุ่ม หรือ ฟอร์ม เป็นต้น
2 การจัดตำแหน่งของแต่ละรายการ
เช่น แนวนอน แนวตั้ง การกำหนดเป็นแถวเรียง  หรือแบบสัมพันธ์กัน
3 กำหนดสไตล์หรือรูปแบบ เช่นตัวหนา สีขาว หรือ ดำ เป็นต้น

การติดตั้งแอพที่พัฒนาบนมือถือ Android

หลังจากที่เราได้ดาวโหลดและติดตั้งโปรแกรม สำหรับการเรียนรู้การสร้างแอพบน Android ไปแล้วคือ โปรแกรม JAVA SDK และโปรแกรม Android Studio
และได้ทดลองสร้าง New Project แอพแรกของเรา ที่ชื่อว่า Hello World ไปแล้วนั้น
เนื้อหาการเรียนรู้ในบทต่อมา จะเป็นการทดลองนำแอพที่เราได้เขียนไว้ไปติดตั้งลงบนโทรศัพท์มือถือของเราจริงๆ ซึ่งจะมีวิธีการและขั้นตอน ดังนี้ครับ
สิ่งที่ต้องมีคือ
1 สายเชื่อมต่อสัญญาณ USB ระหว่างโทรศัพท์ กับ คอมพิวเตอร์
2 ดาวโหลด OEM Android Driver สำหรับเครื่องโทรศัพท์แต่ละรุ่น หรือแต่ละยี่ย้อ
3 ตั้งค่าโทรศัพท์ของเรา ให้รองรับโหมดการพัฒนา แอพพลิเคชั่น

ทิป
สำหรับการเชื่อมต่อสาย ขอให้มีสาย น่าจะต่อสายถูก
ส่วน Driver ของโทรศัพท์มือถือ ถ้าเป็นยี่ห้อ Samsung แนะนำให้โหลดโปรแกรม Kies ของซัมซุงมาติดตั้ง จะทำให้ Driver ตรงรุ่น และสามารถสื่อสารระหว่างคอมกับมือถือได้ชัวร์ๆ Admin ลองมาแล้ว
สำหรับการตั้งค่าโทรศัพท์ ก็ไม่ยาก
1 จากหน้า Home แตะไปการตั้งค่าหรือ Setting
2 เลื่อนลงไปจนแถวสุดท้าย จะเจอคำว่า About Device หรือ เกี่นวกับอุปกรณ์
ให้แท็บ 7 ครั้ง นับให้พอดี
จะได้เมนูคำสั่งเพิ่มขึ้นมา Developer Option
คลิกเข้าไป 1 ครั้ง
มองหาคำว่า USB debugging ให้แตะเลือกค่านี้ไว้

การติดตั้งแอพลงมือถือ
1 จากหน้าจอการเขียนแอพ Android Studio แตะไปที่เมนู Run
โปรแกรม ควรจะ Detect หามือถือที่เราเชื่อมต่อไว้อัตโนมัติ และจะถามว่าเราต้องการ Install แอพลงบนมือถือใ่ไหม ก็Yes ไป และคอยสักพักก็จะ Finish เป็นอันเรียบร้อย

ให้เรามาลองดูที่หน้าเครื่องมือถือ ถ้ามีไอคอนแอพ ตามที่เราสร้างปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ก็แปลว่าเราสอบผ่าน การเขียนแอพแรก และสามารถนำไปติดตั้งและแสดงผลบนมือถือได้จริงๆ แล้ว

การลองแสดงผลแอพที่เขียนด้วย Android Studio บนมือถือจริงๆ น่าสนใจกว่า และแสดงผลได้ถูกต้องกว่าการแสดงผลโดยอาศัยการจำลองโทรศัพท์มือถือในคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า Emulator อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหาในการเชื่อมต่อ Driver ของมือถือกับคอมพิวเตอร์ จนทำให้การเชื่อมต่อมีปัญหา มองไม่เห็นอุปกรณ์ แต่คุณต้องการพรีวิวดูผลงานการออกแบบผ่านตัวจำลอง Emulator ก็สามารถทำได้เช่นกัน
1 บนเมนูโปรแกรม คลิกที่ Run
2 ในหน้าต่างตัวเลือก อุปกรณ์จำลองหรือ Virtual Devices