การใช้งานฟังก์ชัน SUMIF

สำหรับการใช้งาน ฟังก์ชัน SUMIF ของ เอกเซลนั้น ก็จะเป็นการลักษณะการหาผลรวมตามเงื่อนไขที่ระบุ ซึ่งจะมีลักษณะการใช้งานอย่างไร เรามาลองดูและศึกษาไปพร้อมๆ กัน ดีกว่า จากแบบฝึกหัด ด้านล่าง ดังต่อไปนี้ เลย ครับ
1 เริ่มจากการคลิกเลอกเซลส์ ที่ต้องการหาผลรวม แบบมีเงื่อนไข
2 ใส่ = SUMIF(
3 คลิกและแดรกเซลส์ที่ต้องการหาผลรวม
4 ระบุหมวดหมู่ของข้อมูล ตามที่ต้องการ
5 คลิกและแดรกเซลส์ให้ครบตามขอบเขตที่ต้องการ
6 กด Enetr
มาลองเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงกัน เพื่อให้ทำได้ใช้เป็นกัน
ตารางสรุปรายรับขายสินค้าประจำปี 2561
สินค้า หมวดหมู่ ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4 รวม
นมกล่อง อาหาร 5000 7800 8900 12000 33,700.00
ข้าวหอมมะลิ อาหาร 5000 7800 8900 12000 33,700.00
ปลากระป๋อง อาหาร 5000 7800 8900 12000 33,700.00
ยาสระผม ของใช้ 5000 7800 8900 12000 33,700.00
ผงซักฟอกบรีส ของใช้ 5000 7800 8900 12000 33,700.00
น้ำตาล อาหาร 5000 7800 8900 12000 33,700.00
ไม้กวาด ของใช้ 5000 7800 8900 12000 33,700.00
สมุดปกอ่อน เครื่องเรียน 5000 7800 8900 12000 33,700.00
ปากกาลูกลื่น เครื่องเรียน 5000 7800 8900 12000 33,700.00


จากตารางข้อมูล เราต้องการหาข้อมูลผลรวมตามเงื่อนไข ว่ารายรับการขายสินค้าเฉพาะหมวดหมู่ อาหาร รวมทุกไตรมาส เป็นเงินเท่าไหร่
1 คลิกที่เซลส์ที่ต้องการผลรวม
2 ใส่ =SUMIF(
3 เลือกขอบเขตหมวดหมู่ที่ต้องการทั้งคอลัมน์ 
4 พิมพ์ ,"อาหาร",
5 เลือกขอบเขตข้อมูล คอลัมน์ รวม แล้ว Enter 

หน้าตาของสูตร   =SUMIF(B3:B11,"อาหาร",G3:G11)

การหารจำนวนในตาราง Ms Excel

สำหรับบทที่ผ่านมา เราได้เรียนพื้นานในการคูณจำนวน ในตาราง Excel ไปแล้ว ต่อไป เราต้องการหาร ก็จะสามารถหาร ได้เช่นกัน
การหารจำนวนในตารางเอ็กเซล ผู้ใช้งานสามารถทำได้ในหลายวิธีการ เช่น
แบบที่ 1 ใช้การอ้างอิงเซล เช่น =B3/C3 เป็นต้น
หรือ
แบบที่ 2 ใช้การแทนค่าจำนวนโดยตรง เช่น =50/30
หรือ
แบบที่ 3 ใช้วิธีผสม อ้างอิงเซลกับจำนวน เช่น C2/50

NOTE: จะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมาย =
และ จะใช้เครื่องหมาย / แทนการหาร

ก็จะแตกต่างจากการหารเลขปกตินิดหน่อย ตรงสัญลักษณ์การหารจะใช้  / แทน
สรุปขั้นตอน
1 คลิกเลือกเซลส์
2 พิมพ์ =
3 พิมพ์จำนวนโดยตรง หรือคลิกเลือกเซลส์
4 พิมพ์เครื่องหมาย /
5 พิมพ์จำนวนโดยตรง หรือคลิกเลือกเซลส์
6 กด Enter เพื่อยืนยัน


สำหรับวิธีที่แนะนำคือให้ใช้การอ้างอิงเซ,ส์ จะทำให้สะดวกกว่า ในการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขข้อมูล


สอนวิธีการคูณเลขในตาราง Ms Excel

การคูณจำนวนในตารางเอ็กเซล ผู้ใช้งานสามารถทำได้ในหลายวิธีการ เช่น
แบบที่ 1 ใช้การอ้างอิงเซล เช่น =B3*C3 เป็นต้น
หรือ
แบบที่ 2 ใช้การแทนค่าจำนวนโดยตรง เช่น =50*30
หรือ
แบบที่ 3 ใช้วิธีผสม อ้างอิงเซลกับจำนวน เช่น C2*50

NOTE: จะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมาย =
และ จะใช้เครื่องหมาย * แทนการคูณ

ก็จะแตกต่างจากการคูณเลขปกตินิดหน่อย ตรงสัญลักษณ์การคูณจะใช้ * แทน x
สรุปขั้นตอน
1 คลิกเลือกเซลส์
2 พิมพ์ =
3 พิมพ์จำนวนโดยตรง หรือคลิกเลือกเซลส์
4 พิมพ์เครื่องหมาย *
5 พิมพ์จำนวนโดยตรง หรือคลิกเลือกเซลส์
6 กด Enter เพื่อยืนยัน

ข้อแนะนำ
การคูณสามารถใช้งานได้หลายวิธี แต่ถ้าคูณทั้งแถว และต้องการคัดลอกสูตร แนะนำให้เลือกใช้การอ้างอิงเซลส์ โดยคลิกเม้าส์เพื่อเลือก จะสะดวกกว่า

การลบจำนวนในตาราง Ms Excel

สำหรับวันนี้เราจะมาเรียนรู้และฝึกการลบ ในโปรแกรม Excel กัน
ก่อนอื่นให้เราเตรียมข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเงิน เช่น ตารางแสดงรายรับ และรายจ่ายในแต่ละวัน และยอดรวมของแต่ละรายการ
จากนั้น ก็ลองใช้วิธีการ ลบ เพื่อดูว่า ยอดรายได้ กับ รายจ่าย สมดุลกัน เกิน หรือ ขาด หรือไม่เป็นต้น
ขั้นตอน
ก่อนอื่นให้เราเปิดไฟล์เอ็กเซล ขึ้นมา
1 คลิกเลือกเซลส์
2 พิมพ์ = G3-G4
แล้วกด Enter
** เท่านี้แล้ว เราก็จะได้ค่าผลลบ ตามที่ต้องการ



การคิดเกรดนักเรียนด้วย IFS ฟังก์ชัน Ms Excel

ความสามารถของโปรแกรม Ms Excel ในการคำนวน โดยใส่เงื่อนไขหรือ IF นั้น สามารถ นำมาใช้ในการแสดงผลการสอบของนักเรียนได้ โดยอาศัยหลักการ ประยุกต์นิดหน่อย
สำหรับขั้นตอนและวิธีการ ก็ขอบอกว่า ไม่ยาก อ่านจบแล้ว ลองทำตามได้เลย หรือ ถ้าไม่เข้าใจ จะเปิดชมคลิปตัวอย่างการทำ พร้อมกับหยุด และ ไปต่อ ตามขั้นตอน ก็ทำได้
ขั้นตอนการทำ
เริ่มจากเปิดไฟล์โปรแกรม ตารางเอ็กเซล ขึ้นมา
ข้อมูล นี้เป็นเพียงตัวอย่าง ที่กำหนดขึ้นมา เพื่อการศึกษา เท่านั้น
ส่วนเกณฑ์การให้คะแนน ของแต่ละโรงเรียน หรือสถาบัน อาจจะแตกต่างกันบ้าง ก็สามารถปรับตามต้องการ ได้


ชื่อนักเรียน คะแนน เกรด คะแนน อักษร
มุกดา 80 90 A+
บาลี 49 80 A
สีดา 50 70 B
ขนกพร 65 60 C
ดอนตาล 75 50 D
กานดา 48 <50 td=""> F
เคน 55
เพชร 95
พลอย 100

ตัวอย่างในช่องเกรด เอาจะมาใส่เงื่อนไข เพื่อให้แสดงผล ตัวอักษร ตามกลุ่มคะแนน ที่กำหนด 
สรุปขั้นตอน
1 คลิกเลือกเซลส์ที่ต้องการแสดงเกรด
2 พิมพ์   =IFS(B2>=E2,F2,B2>=E3,F3,B2>=E4,F4,B2>=E5,F5,B2>=E6,F6,B2<=E7,F7)
3 กด Enter



การปรับค่าสูตรโดยใส่ค่าคงตัวก่อนคัดลอกสูตร Absolute
ใส่สัญญลักษณ์ $ เพิ่มในสูตร
จะได้แบบนี้ =IFS(B2>=E$2,F$2,B2>=E$3,F$3,B2>=E$4,F$4,B2>=E$5,F$5,B2>=E$6,F$6,B2<=E$7,F$7)

4 การคัดลอกสูตร แดรกเม้าส์ลากคลุม ส่วนที่เหลือ
ก็จะได้ผลลัพธ์เกรดตามเงื่อนไข ที่กำหนด


การใช้งานฟังก์ชัน IF ของเอ็กเซล

นอกจากการใช้งานโปรแกรม Ms Excel ในการบวกบลคูณหาร จำนวน และตัวเลขทางคณิตศาสตร์แล้ว โปรแกรม Ms Excel ยังมีความสามารถของการ คำนวณผลลัพธ์ที่ต้องการแบบมีเงื่อนไข โดยอาศัยการเขียนเงื่อนไขที่เรียกว่า IF นั้นเอง
ข้อดี คือ คุณจะไม่ได้ลงมือเขียน Code โปรแกรมแบบลึกเอง เพียงแค่เรียกใช้งาน โดยพิมพ์ คำสั่งหรือเงื่อนไข เพื่อบังคับ หรือ เรียกใช้ชุดคำสั่งกึ่งสำเร็จรูปที่โปรแกรม Ms Excel เตรียมไว้ให้อยู่แล้ว
เพื่อไม่ให้เสียเวลา
เรามาดูกันเลยดีกว่า
เริ่มจากการเปิดไฟล์ Ms Excel  ขึ้นมา
สมมุตติ การคิดคะแนนสอบปลายภาคของนักเรียน ต้องการทราบว่า คนผ่าน /ไม่ผ่านกี่คน ใครบ้าง
ก็สามารถทำได้ โดย
ขั้นตอน
1 คลิกที่เซลส์แรกของผลสอบ
2 พิมพ์ =IF(B2>49,("ผ่าน"),("ไม่ผ่าน")) แล้วกด Enter
3 แดรกเม้าส์คักลอกสูตรกับเซลส์ที่เหลือ

ชื่อนักเรียน คะแนนปลายภาค ผลสอบ
มุกดา 80 ผ่าน
บาลี 49 ไม่ผ่าน
สีดา 50 ผ่าน
ขนกพร 65 ผ่าน
ดอนตาล 75 ผ่าน
กานดา 48 ไม่ผ่าน
เคน 55 ผ่าน
เพชร 95 ผ่าน
พลอย 100 ผ่าน

ภาพตัวอย่างการอธิบาย 


การหาผลรวม SUM ของตาราง Ms Excel

ตารางคำนวณ ของ MS Excel ที่เราคีย์ข้อมูลเป็นช่องๆ ข้อความบ้าง ตัวเลข จำนวนเงิน บ้าง เราสามารถอ้างอิง การใช้งาน คล้ายๆ เครื่องคิดเลข ในการบวก บ คูณหาร และเรียกใช้งานฟังก์ชั่นทางคณิตศาตร์ ได้อีก
สำหรับเนื้อหาวันนี้ จะมาแนะนำการใ้งานสูตรหรือฟังก์ชัน ในการคิดผลรวมของจำนวนตัวเลข กัน ว่าสามารถเรียกใช้ทำงานได้อย่างไร
ก่อนอื่น ให้เราเปิดไฟล์ตารางคำนวณ MS Excel ขึ้นมา ตามภาพประกอบ
ให้เตรียม ตารางข้อมูลประกอบตามภาพ

รายการเครื่องเขียน จำนวน ราคาต่อหน่วย ผลรวม
สมุดปกอ่อน 80 25 2000
ดินสอ2B 5 10 50
ปากกาลูกลื่น 55 8 440
ยางลบ 60 10 600
ไม้บรรทัด 90 20 1800
น้ำยาลบคำผิด 120 65 7800
กระดาษA4 20 105 2100


อธิบาย จำนวน ราคาต่อหน่วย และ ผลรวม ได้คิดไว้แล้ว
ต่อไป จะใช้สูตร ผลรวม SUM เพื่อรวมยอดใหญ่ทั้งหมดทุกรายการ
ขั้นตอน
1 คลิกเซลส์ ที่ต้องการผลรวม
2 พิมพ์ =SUM (
***นำเม้าส์ไปลากคลุมขอบเขตที่ต้องการผลรวมจนครบ
3 กด Enter
ก็จะได้ ผลรวม ตามต้องการ