Pseudocode คืออะไร?

Pseudocode คืออะไร?
เครื่องคอมพิวเตอร์ือเครื่องจักรคำนวณที่ทำงานตามคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดังนั้นอุปกรณ์มือถือ Android ก็เป็นคอมพิวเตอรื และ App ก็เป็นโปรแกรม เช่นกัน
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจภาษาของมนุษย์ในการสื่อสารหรือการสั่งทำงาน ดังนั้นโปรแกรม App จึงต้องเขียนในรหัสหรือโค้ดภาษาที่คอมพิวเตอร์จะเข้าใจ เช่น Java คำสั่งในการทำงานในภาษา Java เรียกว่าโค้ด และสามารถเข้าใจได้โดยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือมือถือ

แต่ว่าการเขียนโค้ดภาษาโปรแกรม ก็จะดูยุ่งยากและสับสนได้ง่าย ดังนั้นขั้นตอนแรกเราจึงนิยมเขียนคำสั่งในรูปแบบที่มนุย์หรือคนเราสามารถอ่านและเข้าใจได้ โดยเราเรียกการเขียนคำสั่งแบบนี้ว่า Pseudocode ซึ่งมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่อ่านเข้าใจ


ตั้งรหัสผ่านในการเปิดดูและแก้ไข้ไฟล์เอกสาร

ขั้นที่ 1 ให้เราเลือกงานที่เราต้องการ





ขั้นที่ 2 กด Toois



ขั้นที่่ 3 กด General Options


ขั้นที่ 4 ใส่รหัสที่เราต้องการ 


ขั้นที่ 5 กด ok 


ขั้นที่ 6 ออกแล้วลองเข้า 



ใส่รหัสที่เรา ตั้งไว้ เพียงแค่นี้ ก็ป้องกันข้อมูลข้อ เรา ให้ปลอดภัย ได้แล้วครับ 
ถ้าต้องการเปลี่ยนรหัส หรือ ต้องการเอารหัสออก ก็ กดเหมือนเดิม และ ลบ รหัสออก




ทำความรู้จักกับตัวแปรหรือ Variables

ในการพัฒนาแอพด้วย Android Studio สิ่งหนึ่งที่เราต้องเข้าใจความหมายและวิธีการนำเอามาใช้งานก็คือ ตัวแปร หรือภาษาอังกฤษคือ Variables นั้นเอง
ความหมายตามความเข้าใจากการศึกษา และทดลองใช้งานตัวแปร หมายถึง ตัวเลข หรือตัวอักษร ที่เรากำหนดหรือควบคุมไม่ได้ ไม่ได้เป็นค่าคงที หรือตายตัว เช่น ปกติคนเราดื่มน้ำวันละ 5-8 แก้วต่อวัน แต่ในหน้าร้อน เราอาจจะมีความต้องการดื่มน้ำมากขึ้น เป็น 8-10 แก้ว ต่อวันเป็นต้น ค่าตัวเลข ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจาก อากาศร้อน ถือเป็นตัวแปร ที่ส่งผลกระทบต่อตัวเลข หรือจำนวนค่าประมาณ ความต้องการดื่มน้ำของคนเราในแต่ละวันเป็นต้น ประมาณนี้ครับ สำหรับค่าตัวแปร

Literal Value : หมายถึงค่าคงที่และค่าตายตัว เช่น ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว เป็นต้น
เพื่อหลีกเลี่ยงการเขียนค่าเดิมซ้ำๆ ในการพัฒนาโปรแกรม จึงมีการอ้างอิงชื่อของตัวแปร เพื่อให้ง่ายต่อการเขียนโค้ดภาษานั้นเอง

ตัวอย่างการเขียนค่าตัวแปรในภาษา Java
ก่อนอื่นก็ต้องประกาศค่าตัวแปร หรือ Declare variables กันก่อน
เริ่มจาก

  1. ชนิดของตัวแปร
  2. ชื่อตัวแปร
  3. และค่าเริ่มต้นของตัวแปร

ยกตัอย่าง
int ชนิดของตัวแปร
variables name ชื่อตัวแปร
initial value ;
int numberOfCoffees = 2 ;
เพิ่มเติมมือใหม่
int ย่อมาจาก integer หมายถึง ข้อมูลที่เป็นตัวเลข รวมทั้ง 0 ด้วย และค่า - ด้วย

ตัวอย่าง Code
/**
* This method is called when the order button is clicked.
*/
public void submitOrder(View view) {
int numberOfCoffees = 3 ;
display(numberOfCoffees);
displayPrice(numberOfCoffees*5);
}




พื้นฐานการพัฒนาแอพแบบโต้ตอบกับผู้ใช้งาน Android Studio

จากเนื้อหาตอนแรก ทีมีการแนะนำการสร้างแอพง่ายๆ แบบหน้าเดียวหรือ Single page นั้น สำหรัการพัฒนาในเนื้อหาต่อๆไป จะเป็น การเพิ่มการพัฒนาในส่วนที่เป็นการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน เช่น การเพิ่มช่อง ใส่ข้อมูล และปุ่มคำสั่การทำงาน หรือ ประมวลผล เป็นต้น
ซึ่งในเนื้อหานี้ จะเกี่ยวข้องกับการศึกษาและทำความเข้าใจกับ หน้าต่างกิจกรรมหลักของแอพ ที่เรียกกันว่า Main Activity ซึ่งโปรแกรม Android Studio จะสร้าง Code ภาษา Java ให้กับเราในส่วนนี้
การพัฒนาในขั้นตอนนี้ จะมีความน่าสนใจ และความท้าทายมากกว่า การพัฒนาแบบเบสิก ที่ยังไม่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้นั้นเอง
โดยหลักแล้ว ก็จะมีแอพที่ใช้งานทั่วไป จะประกอบกันเป็นหน้าหลัก หน้ารอง ซึ่งเชื่อมโยง และลงรายละเอียด ที่สัมพันธ์และเชื่อมโยงกัน คล้ายๆ กับการสร้างลิงค์ในการออกแบบเว็บไซต์
สิ่งที่ต้องทำคือ การออบแบบขั้นตอน ว่าต้องการอะไร จากหน้าแรก ไปหน้าสอง หน้าสาม และ หน้าต่อๆไป
สำหรับการออกแบบขั้นตอน แนะนำให้เขียนเป็นผังลำดับ ลงในหน้ากระดาษ จะช่วยให้เกิดความคิด และไม่ลืมขั้นตอนได้
สำหรับขั้นตอนนี้ จะเป็นการแนะนำ Code ภาษา Java ซึ่งจะมีการนำมาพัฒนาและใช้งานควบคู่ไปกับภาษา XML ในการพัฒนาแอพ
สำหรับคนที่ยังไม่มีพื้นฐานภาษา Java แรกๆ ก้อาจจะงงๆ และไม่คุ้นเคยมากนัก ก้ค่อยๆ ลองศึกษา และพยายามทำความเข้าใจ จากบนพื้นฐานและ รหัสที่ง่ายๆ ไปก่อน แน่นอนว่า เมื่อผ่านไปสักระยะ ก็จะเริ่มเข้าใจได้ดีขึ้น แน่ๆ
ขอแค่อย่าพึงท้อไปเสียก่อน




ตัวอย่าง Code

android:layout_width="wrap_content"
android:text="Order"
android:layout_marginTop="16dp"
android:onClick="submitOrder"
android:layout_height="wrap_content" />

จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีรหัสโค้ด ปุ่มทำงาน ที่สามารถประมวลผลการทำงานได้ (อักษรสีแดง)
หลักการทำงาน เมื่อปุ่มหน้าจอ ถูก กด จะไปเรียกคำสั่งทำงาน ที่อยู่อีกไฟล์หนึ่ง เป็นรหัสภาษาแบบ java

/**
* This method is called when the order button is clicked.
*/
public void submitOrder(View view) {
display(1);

}

จะเห็นว่าภาษาจาว่า จะมีกฏการเขียน เริ่มต้นด้วย เครื่องหมาย Curly brackets or braces
เครื่องหมายวงเล็บปีกกา เปิด และปิด

โดยย่อ จะมีการสร้างเมธอด เมื่อปุ่มถุกกด ขึ้นมา จากนั้นก็จะมีการเขียนโค้ดเพื่อประกาศเมธอด หรือว่า Declare method เพื่อแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอ

/**
* This method displays the given quantity value on the screen.
*/
private void display(int number) {
TextView quantityTextView = (TextView) findViewById(R.id.quantity_text_view);
quantityTextView.setText("" + number);

}

ผลการทำงาน ก็จะได้แสดงผล เป็น เลข 1
display(1);

ถ้าเราลองทดสอบเปลี่ยนเป็นตัวเลขอื่นๆ แล้วลองทดสอบบนหน้าจอมือถือ 
ลองใช้ Math expression เช่น 2*2 ถ้ากดปุ่มจะได้ =4 เป็นต้น
หรือจะลองใส่ เป็น 18*3 + 5 ก็สามารถลองใส่โจทย์เลข เพื่อคำนวนได้ เช่นกัน 
ดูเพิ่มเติม เกี่ยวกับตัวสั่งทำงานตัวเลขในภาษา Java 

https://docs.oracle.com/javase/tutorial/java/nutsandbolts/opsummary.html

การสร้างหมวดหมู่บทความ Joomla

การสร้างเนื้อหาให้กับเว็บไซต์ สำหรับ Joomla! จะเรียกเนื้อหาที่สร้างขึ้นว่า Article หรือบทความนั่นเอง โดยปกติ ในกรณีที่มีการติดตั้ง Joomla! พร้อมตัวอย่างข้อมูลลงไปด้วย ก็จะมีบทความตัวอย่างที่ผู้พัฒนา Joomla! ได้ใส่ไว้ โปรแกรม Joomla! ก็จะเรียกข้อมูลของบทความดังกล่าวขึ้นมาแสดง


บทความที่สร้างขึ้นใน Joomla! นั้น เราควรแบ่งให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เป็นระเบียบและง่ายต่อการอ้างอิง การค้นหา บทความที่จะเลือกมาใช้งาน เช่น การทำเมนู หรือการทำลิงค์กับบทความ ซึ่ง Joomla!จะมีวิธีการแบ่งหมวดหมู่การจัดการเนื้อหา Contents บนเว็บไซต์ ออกเป็น 3  ระดับด้วยกัน คือ



  1. Section หรือหมวดหมู่บทความ ซึ่งก็คือการแบ่งกลุ่มของเนื้อหาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ นั่นเอง
  2. Category หรือประเภทของบทความ เป็นการแบ่งเนื้อหาเป็นกลุ่มย่อยๆ อีกที
  3. Article หรือบทความ ซึ่งจะอยู่รวมกันใน Category

Joomla! สามารถสร้างจำนวนของหมวดหมู่และประเภทของบทความได้ไม่จำกัด จริงๆแล้วอาจจะไม่จัดหมวดหมู่ให้กับบทความก็ได้ โดยบทความนั้นจะไปอยู่ในหมวดหมู่ที่เรียกว่า Uncategoried ทำให้ไม่ต้องมี Category ในหมวดหมู่นี้
แต่แนะนำว่า ให้กำหนดหมวดหมู่บทความจะดีที่สุด

วิธีการสร้างหมวดหมู่และบทความ (Section)

1 Log in ในส่วนของผู้ดูแลระบบหรือ Admin  แล้วเลือกเมนู Content แล้วกด Section Manager
2จะเข้าสู่หน้า  Section Manager ให้คลิกปุ่ม New เพื่อสร้างหมวดหมูบทความ
3 ในช่อง Title ให้ใส่ชื่อหมวดหมู่บทความ
4 ที่ Published ให้คลิกเลือก Yes เพื่อแสดง
5 ช่อง Access Level ให้กำหนดระดับผู้ใช้งานที่สามารถเข้าถึงได้
6 คลิกปุ่ม Save เพื่อจัดเก็บข้อมูลของหมวดหมู่บทความ


การสร้างประเภทบทความ (Category)

ภายใต้หมวดหมู่บทความ จะมีการสร้างประเภทบทความดังนี้
1 Log in ในส่วนของผู้ดูแลระบบหรือ Admin  แล้วเลือกเมนู  Content; Category Manager
2 จะเข้าสู่หน้า  Category Manger .คลิกปุ่ม New เพื่อสร้างประเภทบทความใหม่
3 ในช่อง Title  ให้พิมพ์ชื่อประเภทบทความ
4 ที่ Published ให้คลิก Yes เพื่อแสดงบทความในประเภทบทความนี้ทางเว็บไซต์
5 ให้เลือกหมวดหมู่บทความที่จะจัดเก็บประเภทบทความ

วิธีการปรับขนาดของรูปภาพบนแอพ Android Studio

การเขียนแอพบน Android Studio มีทั้งข้อมูลการจัดตำแหน่งของวัตถุ บนหน้าจอ เช่น ภาพ หรือข้อความ สำหรับการจัดตำแหน่งและขนาดของภาพบนหน้าจอมือถือ สามารถกำหนดโดยเชียนภาษา XML ในการควบคุมการแสดงผลของภาพ แบบนี้
โดยศัพท์แสงที่นำมาใช้งานกันก็คือ Scale Type
จะมีการจัดตำแหน่งของภาพ เป็นกึ่งกลาง  กำหนดเป็น Scale Type center
และกึ่งกลางแบบตัดขอบให้พอดีหน้าจอ Scale Type center crop
การจัดลำดับหรือ Arrange ตำแหน่งของภาพ หรือข้อความบนหน้าจอ เพื่อให้สามารถเห็นข้อความตามต้องการ
ลองดูตัวอย่างการเขียนโค้ด สำหรับการจัดขนาดภาพตรงกลาง
android:src="@drawable/android_party"
android:layout_width="match_parent"
android:layout_height="match_parent"
android:scaleType="centerCrop"
/>

สำหรับมือใหม่หรือผู้สนใจ หากต้องการเห็นความแตกต่างของการจัดภาพ ระหว่าง Scale Type center กับ Scale Type center Crop ก็แนะนำ ให้ทดสอบโค้ดทั้งสองแบบดู เพื่อดูความแตกต่างด้วยตนเอง


ทบทวนขั้นตอนสำหรับการออกแบบแอพ
1 การออกแบบมุมมอง เป็นข้อความ รูปภาพ ปุ่ม หรือ ฟอร์ม เป็นต้น
2 การจัดตำแหน่งของแต่ละรายการ
เช่น แนวนอน แนวตั้ง การกำหนดเป็นแถวเรียง  หรือแบบสัมพันธ์กัน
3 กำหนดสไตล์หรือรูปแบบ เช่นตัวหนา สีขาว หรือ ดำ เป็นต้น

การติดตั้งแอพที่พัฒนาบนมือถือ Android

หลังจากที่เราได้ดาวโหลดและติดตั้งโปรแกรม สำหรับการเรียนรู้การสร้างแอพบน Android ไปแล้วคือ โปรแกรม JAVA SDK และโปรแกรม Android Studio
และได้ทดลองสร้าง New Project แอพแรกของเรา ที่ชื่อว่า Hello World ไปแล้วนั้น
เนื้อหาการเรียนรู้ในบทต่อมา จะเป็นการทดลองนำแอพที่เราได้เขียนไว้ไปติดตั้งลงบนโทรศัพท์มือถือของเราจริงๆ ซึ่งจะมีวิธีการและขั้นตอน ดังนี้ครับ
สิ่งที่ต้องมีคือ
1 สายเชื่อมต่อสัญญาณ USB ระหว่างโทรศัพท์ กับ คอมพิวเตอร์
2 ดาวโหลด OEM Android Driver สำหรับเครื่องโทรศัพท์แต่ละรุ่น หรือแต่ละยี่ย้อ
3 ตั้งค่าโทรศัพท์ของเรา ให้รองรับโหมดการพัฒนา แอพพลิเคชั่น

ทิป
สำหรับการเชื่อมต่อสาย ขอให้มีสาย น่าจะต่อสายถูก
ส่วน Driver ของโทรศัพท์มือถือ ถ้าเป็นยี่ห้อ Samsung แนะนำให้โหลดโปรแกรม Kies ของซัมซุงมาติดตั้ง จะทำให้ Driver ตรงรุ่น และสามารถสื่อสารระหว่างคอมกับมือถือได้ชัวร์ๆ Admin ลองมาแล้ว
สำหรับการตั้งค่าโทรศัพท์ ก็ไม่ยาก
1 จากหน้า Home แตะไปการตั้งค่าหรือ Setting
2 เลื่อนลงไปจนแถวสุดท้าย จะเจอคำว่า About Device หรือ เกี่นวกับอุปกรณ์
ให้แท็บ 7 ครั้ง นับให้พอดี
จะได้เมนูคำสั่งเพิ่มขึ้นมา Developer Option
คลิกเข้าไป 1 ครั้ง
มองหาคำว่า USB debugging ให้แตะเลือกค่านี้ไว้

การติดตั้งแอพลงมือถือ
1 จากหน้าจอการเขียนแอพ Android Studio แตะไปที่เมนู Run
โปรแกรม ควรจะ Detect หามือถือที่เราเชื่อมต่อไว้อัตโนมัติ และจะถามว่าเราต้องการ Install แอพลงบนมือถือใ่ไหม ก็Yes ไป และคอยสักพักก็จะ Finish เป็นอันเรียบร้อย

ให้เรามาลองดูที่หน้าเครื่องมือถือ ถ้ามีไอคอนแอพ ตามที่เราสร้างปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ก็แปลว่าเราสอบผ่าน การเขียนแอพแรก และสามารถนำไปติดตั้งและแสดงผลบนมือถือได้จริงๆ แล้ว

การลองแสดงผลแอพที่เขียนด้วย Android Studio บนมือถือจริงๆ น่าสนใจกว่า และแสดงผลได้ถูกต้องกว่าการแสดงผลโดยอาศัยการจำลองโทรศัพท์มือถือในคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า Emulator อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหาในการเชื่อมต่อ Driver ของมือถือกับคอมพิวเตอร์ จนทำให้การเชื่อมต่อมีปัญหา มองไม่เห็นอุปกรณ์ แต่คุณต้องการพรีวิวดูผลงานการออกแบบผ่านตัวจำลอง Emulator ก็สามารถทำได้เช่นกัน
1 บนเมนูโปรแกรม คลิกที่ Run
2 ในหน้าต่างตัวเลือก อุปกรณ์จำลองหรือ Virtual Devices



Hello World สวัสดีชาวโลก

Hello World สวัสดีชาวโลก
วลีนี้หลายคนอาจจะสงสัย ว่ามีที่มาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักพัฒาโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือ โปรแกรมเมอร์มือใหม่ ทั้งหลาย การเรียนรู้การเขียนโปรแกรม ภาษาใดๆ ก็ตาม ก็จะเริ่มต้นจากบนพื้นฐานหรือเบสิกที่เรียกกันว่า Hello World สวัสดีชาวโลก! นั้นเอง
คล้ายๆ กับที่เด็กเล็กๆ หัดเรียนรู้การพูด หรือการสะกดคำนั้นเอง
Hello World สวัสดีชาวโลก เป็นการเขียนโปรแกรม แสดงข้อความ บอกว่า สวัสดี บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ นั้นเองครับ
ฟังดูไม่น่าจะยากใช่ไหม ? หรือมีใครคิดว่าง่ายเงินไปหรือเปล่า? สำหรับมือใหม่ หรือผู้เริ่มต้น หากสามารถเข้าใจหลักการ และเขียนข้อความแสดงออกมาแสดงบนหน้าจอได้ตามที่กำหนด ก็ือว่าผ่านด่านแรก พร้อมจะศึกษาและเรียนรู้บทต่อๆไป ซึ่งจะมีรายละเอียดมากกว่า
ขั้นตอน
1 เริ่มจากการสร้าง New Project ขึ้นมา
2 ระบุชื่อของแอพ ที่กำลังจะเขียน และระบุชื่อของ Website ถ้าเรามีเป็นของตนเอง ถ้าไม่มีสามารถใส่ของ android.example.com จากนั้นคลิก Next
3 ตัวเลือกอุปกรณ์แสดงผล ค่าจะเป็น Phone และ Tablet ให้เอาตามนั้น จากนั้นคลิก Next
4 เลือกทมเพลต เป็น Black activity จากนั้นคลิก Next
5 ในขั้นตอนต่อมา จะเป็นหน้าต่างการตั้งค่าของแอพ ใช้ค่า Default และคลิก Finish ได้เลย


จากตัวอย่างหน้าจอการเขียนโปรแกรม
จะมี 3 ส่วนหลักๆ คือ
ส่วนไฟล์และโฟลเดอร์
ส่วนตรงกลางแสดงข้อมูลและพื้นที่การเขียนโค้ดโปรแกรม
ส่วนที่ 3 เป็นส่วนที่เป็นการพรีวิวดูตัวอย่างหน้าจอ

หลักๆ ไฟล์ที่จะเปิดเข้าไปเขียนโค้ดอยู่ที่ไฟล์ชื่อว่า Layout
Activity_main.xml ครับ
ถ้าคลิกดูแล้วจะเห็นโค้ดในรูปแบบของ Text view หรือ รูปภาพวิว และมีแถว Attribute ในการเขียนภาษา XML แสดงตามลำดับ ที่เราได้ศึกษาผ่านมาในชั้นต้น

xmlns:tools="http://schemas.android.com/tools" android:id="@+id/activity_main" android:layout_width="match_parent" android:layout_height="match_parent" android:paddingLeft="@dimen/activity_horizontal_margin" android:paddingRight="@dimen/activity_horizontal_margin" android:paddingTop="@dimen/activity_vertical_margin" android:paddingBottom="@dimen/activity_vertical_margin" tools:context="com.thaifreewaredownload.happybirthday.MainActivity"> <TextView android:layout_width="wrap_content" android:layout_height="wrap_content" android:text="Hello World!" />


</RelativeLayout>

ทดลองเปลี่ยนข้อความ Hello World เป็น ข้อความอื่นๆ ดูได้และพรีวิวดูในขั้นต้น ได้
ในบทต่อไปจะเป็นการ นำเอาแอพแรก ที่ชื่อว่า Hello World ไป install ลงบนมือถือของเราจริงๆ

สร้างรูปภาพสามมิติใส่ในเอกสาร

เราสามารถสร้างรูปภาพสามมิติในในแบบ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงเหลี่ยม ทรงกระบอก รูปหัวใจ หรือ รูปทรงอื่น ๆ เพื่อตกแต่งหรือใช้ประกอบเนื้อหาในหาในเอกสารได้ซึ่งมีวิธีในการการสร้างรูปสามมิติขึ้นมาโดยรวดเร็วตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นที่1 คลิกปุ่ม AutoShapes แล้วคลิกเลือกรูปภาพที่ต้องการ








ขั้นที่2 แดรกเมาส์สร้างรูปภาพลงในเอกสาร 




ขั้นที่ 3 คลิกที่ปุ่ม 3 D 






ขั้นที่4 เพิ่มสีตามต้องการ






แค่นี้เราก็จะได้ รูปภาพสามมิติ ตามที่เราต้องการแล้ว คับ 

แนะนำ Padding and margin

สำหรับการพัฒนาแอพด้วย Android Studio จะมี หลักๆ เกี่ยวกับโครงสร้างของแอพ หรือ Layout เป็นส่วนสำคัญ ของการพัฒนา
เวลาที่เรามีการกำหนดตำแหน่ง ขนาด และ ชนิดของ Layout แล้ว การใส่รายละเอียดของแต่ละวัตถุใน Parent View ก็ถือเป็นรายละเอียด ที่สำคัญ และช่วยขับให้แอพของคุณดูดี
การกำหนดระยะห่าง จากขอบจอ หรือ ขอบตัวอ้างอิง จะใช้คำสั่ง  Padding and margin
ตัวอย่างโค้ด
android:paddingLeft="8dp"
    android:paddingRight="80dp"
    android:paddingTop="16dp"
    android:paddingBottom="16dp"

จากตัวอย่างเป็นการเขียนโค้ดโดยใช้ Padding
และกำหนดระยะห่าง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง

สำหรับการเรียนฟรีเขียนแอพบน Android ในบทต่อไป ก็จะเป็นการแนะนำ แบบฝึกหัด การลงมือ และตัวอย่างการเขียนแอพง่ายๆ เช่น การสร้างบัตรอวยพรปีใหม่ หรือ ส.ค.ส.

ซึ่งการจะเริ่มต้นสร้างแอพได้นั้น เราก็ต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีแรม หรือหน่วยความจำขั้นต่ำ 4 Gb ถ้าจะให้ดีก็สัก 8 GB ไปเลย

และเราจำเป็นจะต้องติดตั้งโปรแกรม 2 ตัวด้วยกันคือ


JDK ย่อมาจาก Java SE Development Kit)

ดาวโหลดได้ฟรีจาก

การจัดกลุ่มข้อมูลด้วย View group

สหรับการจัดกลุ่ม ข้อความ รูปภาพ และป่มคำสั่ง ให้รวมกันในหน้าจอเดียว สามารถทำไดเโดยอาศัยการเขียนคำสั่ง XML ที่เรียกว่า View group
ซึ่งจะพบว่ามีศัพท์แสงทางเทคนิคที่น่าสนใจในการเขียนแอพ ได้แก่

  • ViewGroups 
  • Root View
  • Parent
  • Child
  • Sibling
View group จะเป็นรูปร่างแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้า มีด้านกว้าง x ยาว แสดงบนหน้าจอ จะเรียกว่า เป็นกล่องใส่ของหรือบรรจุของก้ได้ 
บางครั้งเราเรียกว่า Parents หรือพ่อแม่ 
ส่วนข้อความ หรือภาพ ที่บรรจุอยู่บน Parents เราเรียกว่าลูก หรือ Child
ส่วนความสัมพันธ์ของ Child ที่มีต่อกันเราเรียกว่า Sibling 
ในการเขียนแอพ Parent ก็สามารถที่จะกำหนดตำแหน่งที่อยู่ของลูกๆ ได้ เช่น ตรงกลาง ด้านข้าง หรือด้านบน เป็นต้น 

การจัดตำแหน่งด้วย  View group   จะสามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ คือ

LinearLayout
RelativeLayout

ทำความรู้จักกับการจัดกลุ่มข้อมูลแบบ  LinearLayout

ตัวอย่างโค้ด
    xmlns:android="http://schemas.android.com/apk/res/android"
    android:orientation="vertical"
    android:layout_width="wrap_content"
    android:layout_height="wrap_content">

            android:text="Guest List"
        android:layout_width="wrap_content"
        android:layout_height="wrap_content"
        android:textSize="24sp"  />

            android:text="Kunal"
        android:layout_width="wrap_content"
        android:layout_height="wrap_content"
        android:textSize="24sp"  />

            android:text="Sutee"
        android:layout_width="wrap_content"
        android:layout_height="wrap_content"
        android:textSize="24sp"  />

 android:orientation="vertical"
เป็นแถวที่บังคับมุมมองแบบแนวดิ่ง
กลับกันถ้าต้องการแนวราบ ก้เปลี่ยนเป็น horizontal
จัดเพิ่ม 1ตัว match_parent
สำหรับการบังคับให้ ขนาดของ child หรือตัวลูกปรับขนาดตามขนาด กว้าง x สูง ของตัวแม่

เพิ่มอีก 2 ตัวคือ เกี่ยวกับการแสดงผลบนหน้าจอแบบ แนวตั้ง กับแนวราบ
portrait mode แนวดิ่ง
กับ
Landscape mode แนวราบ
ดูเพิ่มเติม การจัดตำแหน่งของวัตถุบนหน้าจออุปกรณ์
https://developer.android.com/guide/topics/ui/layout/linear.html?utm_source=udacity&utm_medium=course&utm_campaign=android_basics

รูปแบบหนึ่งที่สามารถกำหนดโค้ด การจัดตำแหน่งของ ลูกๆ ในแต่ละจุดบนพ่อแม่ได้ ก็คือ การแบ่งพื้นที่ว่างๆ เท่ากันหรือ evenly
มีหลักการเขียน ได้แก่
android:layout_weight
ใส่ค่าตัวเลขเป็น 0 หรือ 1 เป็นต้น 
ตัวอย่างโค้ด 

        android:src="@drawable/ocean"
        android:layout_width="match_paent"       
        android:layout_height="0dp"
        android:layout_weight="1"
        android:scaleType="centerCrop" />

ลองดูอีกแบบคือการจัดตำแหน่งของลูกๆ โดยใช้การการจัดแบบ อ้างอิง Parent
ตัวอย่าง

android:text="I’m in this corner"
android:layout_height="wrap_content"
android:layout_width="wrap_content"
android:layout_alignParentBottom="true"
android:layout_alignParentLeft="true" />

คำสั่งที่ใช้คือ android:layout_alignParentLeft="true
สามารถจัดให้อยู่มุมบน ขวา ซ้าง และเช่นกัน ล่าง ซ้าย หรือ ขวา เป็นต้น

การจัดตำแหน่งโดยอาศัยอ้างอิงตัวลูก หรือ Relative Layout View
การจัดตำแหน่งแบบนี้จะต้องมีการกำหนด id ให้กับแต่ละคน หรือกล่องข้อความหรือรูปภาพ เพื่อใช้อ้างอิง โดยคำสั่งที่ใช้กันก็คือ
ตัวอย่างโค้ด

            android:id="@+id/ben_text_view"
        android:layout_width="wrap_content"
        android:layout_height="wrap_content"
        android:layout_alignParentTop="true"
        android:layout_centerHorizontal="true"
        android:textSize="24sp"
        android:text="Ben" />

ตัวอย่างโค้ด
         android:id="@+id/photo"
        android:layout_width="56dp"
        android:layout_height="56dp"
        android:scaleType="centerCrop"
        android:src="@drawable/ocean" />

            android:id="@+id/Name"
        android:layout_width="wrap_content"
        android:layout_height="wrap_content"
        android:layout_toRightOf="@id/photo"
        android:text="Pebble Beach"
        android:textAppearance="?android:textAppearanceMedium" />

ตั้งชื่ออ้างอิง ภาพเป็น photo

และอีกอันตั้ง id เป็น Name
การทดสอบเขียนโปรแกรม ให้ข้อความ id=Name อยู่ด้านขวาของรูปภาพหรือ Photo


การเขียนโค้ด XML เพื่อแสดงข้อมูลรูปภาพ

เป็นแบบเริ่มต้นสำหรับผู้สนใจเรียกการเขียนแอพบนแอนดอยน์
ตัวอย่าง code

    android:src="@drawable/cake"
    android:layout_width="wrap_content"
    android:layout_height="wrap_content"
    android:scaleType="center"/>
จะเห็นว่าจะเริ่มจาก tag เปิด มุมมองภาพ
และตามด้วยรายละเอียดแต่แถว
แสดงแหล่งข้อมูลของภาพหรือ scr="ชื่อแหล่ง/ชื่อไฟล์"
จะเห็นว่าชื่อไฟลภาพ ไม่จำเป็นต้องระบุนามสกุลของภาพ เช่น jpg,png เป็นต้น
แถวต่อมา ก็จะเป็นการกำหนดขอบเขต กว้าง x ยาว ของกล่องบรรจุภาพ
และแถวสุท้ายจะเป็นการจัดตำแหน่งภาพ เป็น ตรงกลาง / ซ้าย / ขวา
โดยใช้คำสั่งเป็น scaleType="center" หรือ
scaleType="centercrop" จะตัดขนาดภาพให้อยู่ตรงกลาง และย่อขนาดภาพให้เล็กลงด้วย


NOTE: การเขียนโค้ดแอพ ควรจะต้องมีการเตรียมภาพที่จะใช้งานให้เรียบร้อย ถ้าอ้างถึงแหล่งภาพที่ไม่มีอยู่จริงจะเกิดข้อผิดพลาดในโปรแกรมทันที
ผู้พัฒนาอาจจะไม่สามารถจำ กฏในการเขียนโปรแกรม XML ได้ทั้งหมด โดยทางทีมพัฒนา ได้มีการจัดเก็บและรวบรวมการใช้งาน ในรูปแบบของ ข้อความ และรปภาพ ให้สืบค้นและอ้างอิงเพิ่มเติม ระหว่างการออกแบบและพัฒนาแอพ ได้ 

ยกตัวอย่างการค้นหาวิธีการกหนดข้อความ ตัวหนา เอียง หรือปกติ

android:textStyle

Style (bold, italic, bolditalic) for the text.
สำหรับการออกแบบแอพจริงๆ แล้ว ต้องมีการวางแผนการออกแบบ และมีความรู้ด้านงานศิลปการออกแบบให้สวยงามและเป็นเนื้อเดียวกัน หากไม่มีทีมออกแบบ จำเป็นจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมด้านการออกแบบ และออกแบบให้ง่ายและสบายตาที่สด มีปุ่มนำทางหรือ Navigate ที่ชัดเจน ใช้งานได้จริง

การเขียนโค้ดเพิ่มขนาดฟอนต์ในภาษา XML

ตัวอย่างการเขียนแอพสำหรับแอนดอยน์
แถวหรือ Attribute สำหรับการเพิ่มหรือกำหนดขนาดของฟอนต์ หรือข้อความในรหัสภาษา XML ก็คือ ใช้ชื่อเป็น android:textSize="45sp"
ทดลองพรีวิวดูในหน้าต่างการแสดงผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ก็จะได้ข้อความมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามที่เรากำหนด

โดยหน่วยที่ใช้สำหรับฟอนต์คือ sp ซึ่งย่อมาจากคำว่า Scale Independent Pixels
ทั้งนี้ sp จะใช้สำหรับข้อความเท่านั้น
สำหรับการออกแบบแอพนั้นผู้พัฒนา ควรจะกำหนดให้มีตัวเลือกในการเลือกขนาดของฟอนต์ให้ง่ายและอ่านง่ายสำหรับสายตาของผู้ใช้งานแต่ละคนด้วย ถือเป็นความลเอียดและ detail ที่นักพัฒนาแอพจะต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน โดยจะมีตัวเลือกขนาดเป็น เล็ก กลาง ใหญ่ และ ใหญ่มาก เป็นต้น
ซึ่งผู้พัฒนาอาจจะต้องจำเป็นศึกษาเพิ่มเติมจากบนเรียน เกี่ยวกับหลักการออกแบบให้สอดคล้องกับอุปกรณื เช่นเครื่องโทรศัท์ หรือหน้าจอแท็บเล้ต เป็นต้น
รวมทั้งหลักการเลือกใช้งานแบบฟอนต์ให้ดูสวยงามด้วย
แบ่งเป็น หัวข้อหลัก ชื่อเรื่องหลัก รอง ข้อความธรรมดา เป็นต้น
ซึ่งจะบอกขนาดของฟอนต์และแสดงตัวอย่างให้เราดูได้ 
ดูเพิ่มเติมขนาดฟอนต์ได้ที่ 

    android:text="Excited for the gift you'll surprise me with."
    android:background="@android:color/darker_gray"
    android:layout_width="wrap_content"
    android:layout_height="wrap_content"
    android:textSize="50sp" />

นอกจากการเขียนโค้ดโดยใช้ textsize แล้ว ในXML ยังสามารถใช้การเขียนอีกแบบคือ
แบบ  textAppearance
android:textAppearance="?android:textAppearanceLarge" />

โดยสามารถเปลี่ยนตรงท้ายให้เป็น small หรือ medium ได้



สำหรับการเปลี่ยนสีพื้นสามารถเปลี่ยนได้ โดยระบุชื่อสี เช่น red ,white,green เป็นต้น
นอกจากนั้นยังสามารถระบุได้โดยใช้รหัสสีที่เรียกว่่า HEX color
ดูเพิ่มเติมรสหัสสี
http://www.google.com/design/spec/style/color.html#color-color-palette

ส่วนการเปลี่ยนสีฟอนต์ก็ทำได้โดยการเขียนโค้ดเพิ่มอีก 1 แถว
android:textColor="#9ACD32"

รู้จักกับ Behaviors ในการตัดต่อวีดีโอด้วย Camtasia

Behaviors  หมายถึงลักษณะหรือความประพฤติ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี แต่ว่า Behaviors ในการตัดต่อวิดีโอ หมายถึงลักษณะหรือรูปร่างของวัตถุในโปรแกรม ที่จะมีการกระทำ เปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบต่างๆ
ในแถบเครื่องมือของ Camtasia จะมีปุ่มคำสั่ง Behaviors ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้งานได้
โดยสามารถแดรกลาก Behaviors ที่ต้องการลงในหน้าต่างแสดงผลของโปรแกรม Display หรือจะแดรก Behaviors ไปวางลงในแทรกของมีเดียแต่ละชนิด ก็ทำได้เช่นกัน


Behaviors เป็นลูกเล่นสำหรับ Apple ใส่ข้อความ หรือรูปภาพบนหน้าต่างการตัดต่อ เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของวัตถุ และสามารถปรับแต่ง Behaviors เพิ่มเติม เช่น ก่อน ระหว่าง หลัง และ ปรับแต่ง Behaviors  ในรูปแบบที่น่าสนใจ เช่น ทิศทาง และขนาด เวลาของ Behaviors  ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย

การ Apply หรือการนำเอา Behaviors ไปใช้งานกับข้อความ ภาพ วีดีโอ สามารถใช้แบบผสมกันได้ เพื่อให้ได้รูปแบบการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ภาพแสดงหน้าต่างการทำงานของ Behaviors ในโปรแกรม Camtasis เปิดและลากมาวางใช้งาน กับวัตถุได้โดยตรง


การปรับแต่งหรือ Custom ของ Behaviors  คลิกเลือกและปรับรูปแบบทิศทาง และลักษณะลูกเล่นต่างๆ ได้เพิ่มเติม

บทสรุป 

หากมีโอกาสตัดต่อวีดีโอด้วย Camtasia ก็อย่าลืมทดลองใช้งาน เจ้า Behaviors ดูนะครับ โดยฝึก



การนำเอา behaviors มาใส่ใน timeline หรือ canvas

ฝึกการปรับแต่ง behavior

ฝึกลองใช้ behaviors หลายๆตัวในวัตถุเดียวกัน

พื้นฐานการพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วย Android Studio

สำหรับ Admin blog ก็สนใจค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ เสมอๆ วันนี้ก็สนใจที่จะทบทวนและศึกษาวิธีการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบง่ายๆ ด้วยตนเอง
การเรียนพื้นฐานการเขียนแอพ สิ่งที่ผู้เริ่มต้นจะต้องสนใจและทำความเข้าคือ พื้นฐานหรือเบสิกของแอพต่างๆ ที่พัฒนาออกมา จะประกอบไปจากจุดเริ่มต้น ที่เรียกว่า มุมมองหรือ View ครับ
โดยเราจะแยกเป็น Text view
Image view
และ Button

จากนั้น ก็จะเป็นการเขียนคำสั่งการทำงาน หรือ instruction code เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน คล้ายๆ กับการที่เราเขียนคำสั่งมอบหมายให้แม่บ้านทำงาน หรือทำอาหาร ประมาณนั้น

แต่ว่าการเขียนคำสั่งแอพ ต้องการ Place หรือสถานที่ในการเขียน ซึ่งก็คือ IDE นั้นเอง โดยย่อมาจาก Integrated development environment  การพัฒนาแบบองค์รวม แปลเป็นไทย ในความเข้าใจส่วนตัวของ Admin 

และภาษาที่เราจะสื่อสารให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ แน่นอนว่า ไม่ใช่ภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ แต่เป็นรหัสภาษาอีกแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ ซึ่งจะเรียกว่าภาษา XML ซึ่งย่อมาจาก Extensible  Markup language 

การเขียนรหัสภาษา Code 
ทบทวนพื้นฐานการ เขียนภาษา 

XML Syntax

กฏในการเขียน
จะเริ่มต้นด้วย Tag เปิด และปิดท้ายด้วย Tag ปิด  เช่น 
<Textview 
Android:text= "Happy birthday!"
Android:blackgruond="@android:color/darker_gray"
Android:layout_width="150dp"
Android:layout_hight="75dp" />


สำหรับสิ่งที่อยู่ใน Tag เราจะเรียกว่า Attribute 
ซึ่งจะเป็นตัวบอกคุณลักษณะ หรือรูปแบบ
โดยปกติค่าเหล่านี้จะมีค่าเริ่มต้น ยกเว้นเราต้องการปรับใหม่ 
จะมีชื่อของ Attribute มีเครื่องหมาย = และค่าของแอตทิบิตว์ จะอยู่ในเครื่องหมายคำพูด " "

ทดลองเขียน Code ที่เป็นมุมมองแบบข้อความ Textview 
โดย การเปลี่ยนข้อความ 
เปลี่ยนขนาด
ลองทำผิดพลาด และยกเลิกการทำ 
เช่น ลบ Tag ปิดออกไป 
ลบเครื่องหมายคำพูดออกไป เป็นต้น
ทาง Android Studio จะขึ้นข้อความแจ้งเตือนความผิดพลาดและคำแนะนำในการเขียนภาษา XML ให้ด้วย 

แนวทางที่นักพัฒนาแอพ ใช้ในการแก้ไข Bug หรือข้อผิดพลาด


Debugging steps:
  1. อ่านข้อความแจ้งผิดพลาด 
  2. ฃองเทียบข้อผิดลาดกับโค้ดที่ใช้งานได้
  3. ยกเลิกการทำ 
  4. ขอความช่วยเหลือจาก Forum
การปรับขนาดบรรจุข้อความ เดิม เรากำหนดให้เป็นแบบ Fix 
Android:layout_width="150dp"
Android:layout_hight="75dp"

ให้ลองปรับใหม่เป็นเทคนิคการกำหนด ความกว้าง และความสูงเป็นแบบตัดข้อความอัตโนมัติ โดยใช้คำว่า Wrap_content

    android:text="Happy Birthday to my mother and my sister and my friends "
    android:layout_width="wrap_content"
    android:layout_height="wrap_content"
    android:background="@android:color/darker_gray"
/>

พัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วย Android Studio

Android Studio คืออะไร ?
ชุดเครื่องมือหรือโปรแกรมสำเร็จรูป สำหรับการออกแบบและพัฒนา Android Apps ต่างๆ ที่ผู้สนใจต้องการพัฒนาแอพต่างๆ ออกมาใช้งาน ทั้งการศึกษา เพื่อความสนใจส่วนตัว และการธุรกิจ
การเขียนโปรแกรม จะประกอบด้วยการศึกษารหัส Code ในการโปรแกรม การแก้ไข Code รวมทั้งการทดสอบแอพ และการนำแอพไปใช้งานต่อไป 
จริงๆ แล้ว การพัฒนาแอพบนแอนดอยหรือ iOS ก็จะมีแบบอัตโนมัติ โดยที่ผู้พัฒนา ไม่จำเป็นต้องเขียน Code โปรแกรมเองก็มี อย่างไรก็ตาม ก็จะมีข้อจำกัด และรู้ไม่จริงเท่ากับการศึกษา วิธีการเขียนรหัส Coding ภาษาด้วยตนเอง ซึ่งจะอ่อนตัวในการทำงานและต่อยอดพัฒนาได้มากกว่า 
แน่นอนว่า อาจจะต้องค้นคว้าและหาความรู้เพิ่มเติม ก่อนที่จะใช้งานได้ และสร้างความคุ้นเคยกับระบบการพัฒนา ต่อไป 
สนใจดาวโหลดมาศึกษา และใช้งานฟรีๆ 

https://developer.android.com/studio/index.html 

ndroid Studio provides the fastest tools for building apps on every type of Android device.

World-class code editing, debugging, performance tooling, a flexible build system, and an instant build/deploy system all allow you to focus on building unique and high quality apps.
ดาวโหลด
ความต้องการของระบบ Windows ขั้นต่ำ
Windows
Microsoft® Windows® 7/8/10 (32- or 64-bit)
3 GB RAM minimum, 8 GB RAM recommended; plus 1 GB for the Android Emulator
2 GB of available disk space minimum,
4 GB Recommended (500 MB for IDE + 1.5 GB for Android SDK and emulator system image)
1280 x 800 minimum screen resolution
For accelerated emulator: 64-bit operating system and Intel® processor with support for Intel® VT-x, Intel® EM64T (Intel® 64), and Execute Disable (XD) Bit functionality

การดาวโหลดและการติดตั้งบนวินโดว์
1 โหลดโปรแกรมมาก่อนที่ https://developer.android.com/studio/index.html
2 8คลิกตัวติดตั้ง exe. และทำตามคำแนะนำการติดตั้ง ไปจนเสร็จการติดตั้ง
3 โปรแกรม Pop up ขึ้นมาพร้อมใช้งาน

เรียกการสร้างแอพแรกด้วย Android Studio https://developer.android.com/training/basics/firstapp/index.html
สร้างงานหรือ โปรเจคแรกสุดของคุณด้วย Android Studio
https://developer.android.com/training/basics/firstapp/creating-project.html

สนใจจริงๆ ก็ Take course ลงทะเบียนเรียนฟรีออนไลน์ฟรีกับทีมผู้พัฒนา ไม่มีค่าใช้จ่าย เวลาเรียน 60 ชั่วโมงโดยประมาณ ดูเพิ่มเติมที่
https://www.udacity.com/course/new-android-fundamentals--ud851

สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานโปรแกรมมาก่อน แนะนำให้เริ่มจาก ฟรีเบสิก การเริ่มต้นพัฒนาโปรแกรม และแอพ ก่อนที่
https://www.udacity.com/course/android-development-for-beginners--ud837

ทิปการเล่นเกมส์ป้องกันเมือง Stronghold Crusader 2

การเล่นเกมส์ Stronghold Crusader 2 ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นได้ 2 แบบ คือ แบบการต่อสู้และแบบเศรษฐกิจ
สำหรับคำแนะนำในการเล่นเกมส์แบบต่อสู้ เริ่มจากการที่เราต้องป้องกันตัวเองก่อน คือสร้างเมืองของตนเองให้แข็งแรงและป้องกันการโจมตีเมื่องของศัพตูให้ได้ก่อน จากนั้นจึงจะลองไปโจมตีข้าศึกกลับบ้าง ก็ไม่ว่ากัน
สำหรับผู้เล่นมือใหม่ อาจจะต้องอาศัย ประสบการณ์จากการเล่นไปสักระยะหนึ่งก่อน ก็จะค่อยๆ สะสมความรู้และประสบการณ์ในการเล่น นำมาพัฒนาและปรับปรุงแนวทางการเล่นของตนเอง ให้สามารถผ่านด่านหรือภารกิจได้
รู้จักกับ The Keep หรือตึกเจ้าเมือง หรือผู้นำทางทหาร เป็นสิ่งปลูกสร้างแรก ที่เกมส์จะสร้างมาให้เราอัตโนมัติ โดยปกติ จะมีหัวหน้า เช่น พระราชา หรือ นายพล เป็นหัวหน้าทัพ จะอยู่ประจำการบนตึกนี้ และถือเป็นหัวใจของเมือง สำหรับการควบคุม อัตราความนิยม และการเก็บภาษีของประชาชน โดยการคลิกเม้าส์ลงไป และเลื่อนสไลด์บาร์ปรับระดับภาษี

สิ่งแรกที่ต้องการคือ
อาหารวางโรงเก็บอาหาร Granary ก่อนเพื่อเป็นที่เก็บสะสมอาหาร
จากนั้น สร้างแหล่งอาหาร เช่น ล่าสัตว์ ปลูกผักผลไม้ เลี้ยงวัว เป็นต้น

หลักจากการสร้างอาหารแล้ว ต่อมา
ดูการสร้างอาวุธ
จะต้องวางคลังอาวุธ ลงไป ในพื้นที่
จากนั้นสร้าง Unit หรือหน่วยที่ผลิตอาวุธ เช่น โรงธนู โรงหอก โรงดาบ เกราะ หน้าไม้ ฯลฯ

ลำดับต่อมา
ขยายพื้นที่เก็บทรัพยากรหรือ Stock Pile ของคุณ ให้มีขนาดมากพอที่รองรับทรัพยากรที่จะไปเก็บและรวบรวมมา

จากนั้นสร้าง Units สำหรับการหาทรัพยากร เช่น คนตัดไม้ โรงหิน โรงเหล็ก ฯลฯ

ตามด้วยการสร้างตลาด หรือ Market Place
สำหรับการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้าและเงินตรา ต่างๆ

การสร้างกระท่อมหรือ บ้านพักของคน ให้เพียงพอกับจำนวนของ Unit และโรงงานผลิตต่างๆ

ทั้งหมดนี้กล่าวมาข้างบน ต้องทำอย่างรวดเร็วและรอบคอบ จากนั้น จึงมาดูที่การป้องกันตนเอง ได้แก่ การสร้างป้อมและวางกำลังทหารขึ้นไว้บนป้อมในทิศทางที่ ควบคุม พื้นที่ทั้งหมดได้ อาจจะวางทั้ง 4 ด้านตามรูป 4 เหลี่ยมผืนผ้า หรือ 4 เหลี่ยมจัตุรัส ก็ได้

ตามด้วยสร้างกำแพง ที่หนามากพอป้องกันและชะลอการบุกของข้าศึกได้
กำลังทหารที่เหมาะสมวางบนป้อม จะมีทั้งพลธนู พลหอก พลหน้าไม้ หรือจะวางเครื่องดีดหิน โดยใช้วิศวกร 2 คน ต่อ 1 เครื่องยิงหิน



หลังจากนั้นก็เป็นไหวพริบ และประวบการณ์ของแต่ละคนในการเล่น การแก้ไขปัญหา การสร้าง Unit ต่างๆ เพิ่มเติมตามที่เราต้องการ

เบสิกการใช้งาน Camtasia 8.0

ก่อนจะเริ่มต้นใช้งานโปรแกรม มีคำแนะนำสำหรับท่านที่สนใจ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Camtasia 8.0 ดังนี้ ครับ เริ่มจาก
การเขียน Storyboard หรือลำดับของเรื่องราวที่เราต้องการจะทำ เช่น กล่าวนำ เนื้อหา บทสรุป เป็นต้น
2 การเขียนบทหรือ Script เพื่อที่เราจะได้ทราบว่า จะต้องใส่เนื้อหาอะไรบ้าง เกี่ยวข้องอะไรบ้าง
3  การบันทึก และการเผบแพร่ผลงาน save and share ซึ่งจะเลือกได้ว่าจะบันทึกไว้บนคอมพิวเตอร์ หรือจะแชร์ขึ้น YouTube เป็นต้น

UI หน้าต่างติดต่อผู้ใช้งาน

ทำความรู้จักหน้าตาการทำงานของ  โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Camtasia 8.0
ในหน้าต่างหลัก บริเวณด้านล่างของโปรแกรม จะมี Timeline แสดงการทำงานแยกเป็นแทรกๆ เช่น ภาพ เสียง ลูกเล่นพิเศษ
แถบเครื่องมือ Tools Panel แบ่งตามหมวดหมู่ที่สำคัญและจำเป็นในการใช้งาน
หน้าต่างการทำงานหรือ Canvas ซึ่งเราใช้เป็นส่วนดูการทำงาน หรือพรีวิวภาพต่างๆ
ตัวเลือกการทำงานของวัตถุ Property Panel ที่สามารถคลิกเข้าไปปรับค่าต่างๆ ของวัตถุได้เสรี
เริ่มจากการบันทึก คลิกปุ่ม Record
พื้นที่การบันทึก โดยค่าเดิมของโปรแกรม จะจับภาพทั้งบนบนหน้าจอหรือคอมพิวเตอร์ Screen แต่มี Options ตัวเลือกจับเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการได้ เช่นกัน โดยเลือก Custom เพื่อเลือกพื้นที่เอง
พร้อม Option เลือกบันทึกภาพจากกล้องเวลแคม และบันทึก Audio ด้วยหรือไม่
จากนั้นเริ่มบันทึกคลิก Record
Hot key ถ้าต้องการหยุดบันทึกกดแป้น F10
ตัวอย่างที่ต้องการบันทึก เช่น วิธีการแชร์ข้อมูลผ่าน Google Drive เป็นต้น



หลังจากจบการบันทึก

คลิกปุ่ม Finish
ข้อมูลที่บันทึก จะแสดงอยู่บน Timeline แยกเป็นภาพคลิป และเสียง Audio
คลิกปุ่ม Play เพื่อเล่นไฟล์ที่เราบันทึก ได้
เราสามารถเลื่อนไปตำแหน่งที่ต้องการได้ โดยใช้ตัวเลื่อนแสดง และใช้การ Trim เพื่อตัดส่วนบันทึกที่ผิดพลาด หรือไม่ต้องการออกไปได้
บนเมนู Cut ใช้ตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกไปได้เช่นกัน
การเพิ่ม Slide เช่น ชื่อเรื่อง Title
การเพิ่มคำอธิบายคลิป เช่นข้อความ กล่องข้อความ เลือกจากเมนูบาร์ด้านข้าง และแดรกมาลงใน Timeline


เมื่อจบคลิกปุ่ม Save
คลิกที่ปุ่มแชร์ และเลือก Youtube คุณจะต้องมีบัญชี Account ของ Youtube ด้วยเพื่อแชร์วีดีโอขึ้นบนยูทูป
ราคาของโปรแกรม 199$
สนใจโหลดตัวเดโม มาลองใช้งานกันได้ฟรีเวลา 30 วัน เื่อประกอบการพิจารณาและตกลงใจซื้อหากันต่อไป
เว็บไซต์ผู้พัฒนา : https://www.techsmith.com/camtasia.html
สำหรับผู้สนใจศึกษาวิธีการใช้งานโปรแกรม สามารถศึกษาได้ฟรีๆ จากบทเรียนออนไลน์สอนการใช้งานโปรแกรม
 https://www.techsmith.com/tutorial-camtasia-9-3.html

Key Concept ของเกมส์จำลองการรบ Stronghold Crusade 2 Demo

คอเกมส์หรือแฟนของเกมส์วางแผนการรบสมัยโบราญอย่าง Stronghold ที่สนใจและอยากเข้าใจจริงๆ ว่า องค์ประกอบและแก่นของการเล่นเกมส์นี้ มีอะไรบ้าง Admin บล็อกก็เลยขอโอกาสนำมาเรียบเรียงและนำเสนอผู้อ่านที่สนใจได้ศึกษากัน ก่อนการเล่นเกมส์ให้สนุก และเพลิดเพลินครับ

Popularity หรือความนิยม
แสดงออกทางสีหน้าของประชากร ใบหน้ายิ่มสีเขียว แสดงถึง มีความสุข และความพึงพอใจ ใบหน้าสีเหลือง หมายถึงความเป็นกลาง ส่วนใบหน้าสีแดง หมายถึง ความโกรธ และไม่พึงพอใจ มี 7 ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของประชากร แต่ 2 ปัจจัยหลักคือ อาหาร และ ภาษี ดังนั้นผู้เล่น จะต้องควบคุม ความนิยม ไม่ให้ต่ำกว่า 50 %  ก่อนที่ประชากร จะออกจากเมืองของคุณไป


Food อาหาร
การเปลี่ยนอัตราบริโภคจากคลังอาหาร เป็นวิธีหนึ่งในการดึงดูดประชากร และความนิยมของคุณ ทั้งจำนวนอาหาร และปริมาณอาหารที่จัดให้ กระทบต่อโบนัสอาหารและการลงโทษเช่นกัน การลดอาหารลงต่ำกว่าอัตรากำหนด จะส่งผลต่อความนิยมทันที ทางกลับกัน ถ้าคุณเพิ่มชนิดอาหารและปริมาณ คุณก็จะได้รับความพึงพอใจสูง เช่นกัน โดยปกติ ประชากรจะพึงพอใจ เมื่อเราจ่ายอาหารให้มากกว่า 1 ชนิด

Tax ภาษี
ผู้เล่นสามารถตั้งค่าชำระภาษีของประชากร ตั้งแต่แบบใจดี ไปจนถึงแบบหน้าเลือด โดยการคลิกขวาที่ ตัวอาคารหลัก ที่ Leader ประจำการอยู่แล้ว เลื่อนแถบสไลด์บาร์ ขึ้นลง โดยปกติแล้ว ประชากรของเกมส์ Stronghold จะไม่พึงพอใจจะจ่ายภาษีอยู่แล้ว ถ้าคุณตั้งค่าจ่ายภาษีสูง แน่นอนว่า มันก็จะกระทบความนิยมของคุณทันที
ดังนั้นหากคุณมีเงินทุนสะสมในคลังมากพอ การลดภาษี หรือเก็บเพียงเล็กน้อย ก็เป็นทางเลือกที่คุณควรจะทำ โดยจะได้รับโบนัสกลับมาในรูปของความนิยมของประชากร

Building a stairs การสร้างบันได
การที่จะนำพาทหาร เช่น พลธนู พลหอก ขึ้นประจำหอคอย หรือกำแพงเมื่อง จำเป็นต้องสร้างบันไดให้เขาก่อน การสร้างก็จะคล้ายๆ กับการสร้างกำแพงเมือง โดยต้องสร้างติดผนังหรือกำแพงเมือง การสร้างก็เลือก บันได จากเมนูด้านล่าง และนำไปลากวางตรงจุดที่ต้องการสร้างได้ทันที ใช้การกดเม้าส์คลิก และแดรกลากเม้าส์ จนกระทั่งสำเร็จ จึงปล่อยเม้าส์

Building Walls การสร้างกำแพง
สำหรับป้องกันผู้บุกรุกและศักตูที่จะมาโจมตี เลือกกำแพงจากรายการเมนู และใช้เม้าส์คลิกจุด แดรกลากวางไปตามระยะและทิศทางที่ต้องการ แน่นอนว่าคุณจะต้องมีหินที่เพียงพอในการสร้างกำแพง  สามารถสร้างกี่ชั้นให้หนาตามต้องการของคุณได้ ถ้าคุณมีทรัพยากรหินที่เพียงพอ และยากในการเจาะหรือทำลายของทหารศัตรูได้ กำแพงต่ำ ราคาก็จะถูกกว่ากำแพงแบบสูง การลากกำแพง ถ้าไม่สามารถลากวางได้ จะแสดงสีแดงขึ้นมา ให้ และกำแพงแบบมีป้อมป้องกันสามารถเพิ่มเข้าไปในชั้นหน้าสุดได้ กำแพงแบบมีใบระกา หรือเปล่า ถ้าเปรียบสมัยกรุงโบราญของไทย

Fear Factors การลงโทษ
หากเราสร้างเมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามและใจดีในการปกครอง ประชากร ก็อาจจะขึ้เกียจ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และเลี่ยงการทำงานได้ แบบนี้ การบริหารเมืองและควบคุมกำลังพลก็จะมีปัญหา เช่นกัน เกมส์ Stronghold ก็จะมี item จำพวก เครื่องลงโทษ คงผิด หรือพวกขี้เกียจ เช่น คุก ที่กักขัง การโบย การตี เป็นต้น แต่ก็ระวังในเรื่องของการวางที่มากไป ที่จะกระทบความนิยม เช่นกัน

Religion ศาสนา
เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการบริหารเมืองและประชากร ถ้าเราสร้างโบสถ์ หรือวิหาร ก็จะมีพระหรือนักเทศน์ออกมา การสวดมนต์ การให้พร เป็นขวัญและกำลังใจของกำลังพลและประชากร และจะได้รับโบนัสความนิยม +1 ,+2

Working Inn โรงงานผลิต
เป็นแหล่งผลิตทรัพยากรสำคัญที่จะใช้ในการรบ การป้องกันเมือง หรือการโจมตี เมื่อเลือกชนิดของการผลิตมาวางลงในพื้นที่แล้ว ก็จะมีคนงานเข้าประจำการและเริ่มต้นผลิตอุปกรณ์ต่างๆ และนำไปบรรจุในคลังเก็บ ให้ทหารนำออกมาใช้งานต่อไป ยิ่งวางแหล่งผลิตมากก็จะทำการผลิตได้ไวขึ้น เช่นกัน

Crowding ความหนาแน่น
บางครั้งที่กระท่อมหรือที่พักของประชากรถูกทำลาย ก็จะแสดงความหนาแน่นสีแดงขึ้นมาในตัวรายงานของเกมส์ด้านล่างขวามือหน้าจอ แก้ไขโดยการสร้างที่พักเพิ่ม ปกติ 1 หลังจะพักอาศัยได้ 8 คน


Travelling Fair นักเดินทางบันเทิง
บางครั้งพวกเขาก็จะเดินทางมาแสดงและละเล่น เพื่อความบันเทิงในเมืองของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณได้รับโบนัสความนิยมเช่นกัน


ทดสอบเล่น  https://drive.google.com/file/d/0B8pQSzyI_RaaM25VbFMyOUdON1k/view?usp=sharing

Samsung galaxy Note 5 ราคาพิเศษ 14900

สำหรับข้อมูลของ Samsung galaxy Note 5 (64GB) เป็นสมาร์ทโฟนรุ่น Top ตัวหนึ่งที่หลายคนอาจจะเคยมองและต้องการจับจองมาเป็นเจ้าของ ซึ่งจุดเด่นของ Samsung galaxy Note 5 ที่เคยสัมผัสและใช้งานมาพบว่า มีความน่าสนใจในการใช้งาน และประมวลผลการทำงานที่ตอบสนองได้รวดเร็ว

ด้วย CPU ประมวลผลความเร็ว 2.1GHz Quad + 1.5GHz Quad), 64 bit, 14 nm process Octa Core

ติดตั้งระบบปฏิบัติการ: Android 5.1 (Lollipop)
- RAM 4GB
หน่วยความจำภายใน 64 GB (ตัวเครื่อง)
ขนาดหน้าจอ กว้าง 5.5 นิ้ว
ราคาปกติ 22,900 บาท
แต่ท่านสามารถเป็นเจ้าของได้ โดย AIS SHOP จัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดเหลือเพียง 14,900 บาท เท่านั้น

เงื่อนไขก็คือ ต้องซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ใหม่ หรือใช้เบอร์เดิม พร้อมสมัครใช้งานแพคแกจรายเดือน 699 บาท เป็นเวลา 12 เดือน หรือ 1ปี ครับ

 หมายเหตู หากยกเลิกการใช้บริการก่อนเวลาที่กำหนด จะต้องถูกเรียกเก็บเงินในส่วนที่ได้รับส่วนลดค่าเครื่องจากราคาเดิม ครับ

ชำระค่าบริการรายเดือน 699 บาท ท่านจะได้รับสิทธิอะไรบ้าง
เล่นอินเตอร์เน็ต 3G/4G ความเร็วสูงสุดได้  42 Mbps รวม 9 GB หลังจากใช้ครบตามปริมาณ ความเร็วปรับลด สูงสุดไม่เกิน 128 Kbps ใช้ได้นาน 30 วัน

โทรฟรีทุกเครือข่าย 300 นาที

ข้อมูลพิจารณา 


อินเตอร์เน็ต Fi-Wi ไม่จำกัด
ค่าบริการรวมภาษี 748 บาท / เดือน

ราคาเดิม เครื่องเปล่าคือ 22,900 บาท
ราคาพร้อมแพคแกจ 14,900 บาท เท่ากับ ได้ลด 8000 บาท หรือคิดเป็น ได้ส่วนลดประมาณ 35%

เงื่อนไข 12 เดือน ราคารวมภาษี 748 * 12 = 8976 บาท

แลกกับสิทธิการใช้งานที่ได้รับ คือ โทรฟรี เน็ตฟรี ตามข้อมูลด้านบน ส่วนตัวผมก็ถือว่า น่าสนใจ ส่วนจะตกลงใจซื้อหาใช้งานจริงๆ ก็ขอให้เป็นดุลพินิจของผู้อ่านตกลงใจเองนะครับ admin บล็อกก็เพียงนำเสนอข้อมูลเชิงเปรียบเทียบราคาเครื่องเปล่า VS ราคาโปรโมชั่นพร้อมแพกเกจ ให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจได้ศึกษาประกอบการตกลงใจของคุณ 




How to find Mobile phone information in Thailand

Mobile phone in Thailand is cover all part of the country and if you come to Thailand and you want to know about mobile phone communication in Thailand ,then I would give you a sum brief of information for you to look up and consider.
First step bring your own mobile phone and buy Thai SIM in Thailand or both I mean buy both Thai SIM and Mobile Phone together.

The SIM card 2 types
Register SIM or Post paid Sim or subscription sim you pay at the end of the month or monthly paid.

A second is Prepaid SIM you have to pay first by buying a slip or card to refill or top up your money first before making any phone call.
so in my view for a tourist just buy a Prepaid SIM is a good option for you.
The prepaid card price is begin from 50 bath,100,200,300,500 bath where you and get it from the local shop and in the city.

Calling rate is about 1 Baht per minutes for most companies such as AIS ,DATC,TRUE ,
For data and internet package is begin from 100 baht up to 1000 baht depends on the options and speed and volume of data.

For 3G/4G internet is cover all part in Thailand and get more quality better than a couple years ago.


If you are looking for more detail available in English below are the Link to their official website in English version
http://www.ais.co.th/en/index.html
http://www.dtac.co.th/en/home.html
http://truemoveh.truecorp.co.th/?ln=en

If you want to buy a mobile phone like iPhone 7 or Samsung galaxy s7 I would recommend you to buy it from the official website above or at the official shop of them in local market ,supermarket or city in order to make sure that you will get the real and genuine products

Most of them offer cheaper price when buying a mobile phone set along with the subscription package.

in some companies also release new sale promotion by giving away free mobile phone set for people just only pay for a SIM and put the money for your SIM balance start from 100 bath or 200 bath,

the brand and the phone feature is a basic phone for making s simple calling and receiving call ,in some case also capable of 3G/4G data  as well.

รู้จักกับการปัดเลขขึ้นหรือลงของ Excel

Round คือการปัดของตัวเลขในโปรแกรมตารางคำนวณ MS Excel ถือว่าสำคัญมากๆ สำหรับผู้ใช้งาน ที่ต้องการความถูกต้องของข้อมูลด้านบัญชีและตัวเลขที่เที่ยงตรงและแม่นยำ และเป็นสูตรมาตรฐานเดียวกัน
การปัดเศษของโปรแกรม Excel ก็จะคล้ายๆ กับที่เราเคยเรียนกันมาในโรงเรียน คือ 1,2,3,4 จะปัดเศษลง
ส่วนปัดขึ้นก็คือ ตั้งแต่ 5 ขึ้นไป

นี้คือพื้นฐานการปัดเศษปกติที่เราทราบกัน
แต่ใน Excel มีสูตรการปัดตัวเลข ที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น และสลับซับซ้อนมากกว่า ซึ่ง Admin แนะนำว่า คงต้องค่อยๆ ศึกษา และใช้งานไป สำหรับผู้ที่สนใจจริงๆ ครับ
ในบทความนี้ สำหรับเบสิก และผู้เริ่มต้นใช้งานก่อนครับ

การ Round จะเสียค่าความถูกต้องของตัวเลขไป ซึ่งแตกต่างจาก การเลือกแสดงทศนิยม 2 ตำแหน่งของโปรแกรมปกติ


ตัวอย่าง 

การปัดเลขทศนิยมโดยใช้สูตร Round ให้เหลือทศนิยม 2 ตำแหน่ง
คลิกที่ช่อง B2
ในช่องสูตร =Round (A1,2)
จะได้ผลลัพธ์ค่าทศนิยมเหลือสองตำแหน่งตามที่ระบุ

เล่นเกมส์ตอบคำถามด้วย Quiz Master (Excel template)

โปรแกรมตารางคำนวณอย่าง MS Excel นอกจากใช้งานด้านตัวเลขและทางบัญชีแล้ว ยังมีการพัฒนาหรือประยุกต์ใช้งานความสามารถและจุดเด่นๆ ของโปรแกรมในรูปแบบของ เกมส์คำถาม อีกด้วย

Quiz Master (Excel template) to conduct quizzes

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการออกแบบสอบถาม โดยใช้งาน Excel ซึ่ง Admin เห็นว่ามีประโยชน์และน่าสนใจ สำหรับผู้สนใจ จึงนำมาเผยแพร่ต่อ ในบล็อก

วิธีการเล่น


  • กรรมการ ถามคำถามแรก กับผู้เล่น ตามลำดับ 
  • ผู้เล่นทุกคนต้องได้ตอบคำถาม ไม่ว่าจะตอบถูกหรือผิด 
  • กรรมการ บันทึกคำตอบของผู้เล่นลงในช่องข้อมูล 
  • กรรมการท่านเดียวเท่านั้นเป็นคนใช้งาน โปรแกรม 
  • คำตอบจะเฉลยหลังจากทุกคนตอบเสร็จแล้วเท่านั้น 
  • คำถามข้อที่สอง จะเริ่มตอบจากผู้เล่นคนที่สอง ต่อไปตามลำดับ 
  • ผู้เล่นที่ตอบคำถามถูกมากที่สุดเป็นผู้ชนะ 



จุดเด่น

  • กำหนดจำนวนคำถามได้เอง ระหว่าง 1 -50 ข้อ 
  • แก้ไขผู้เล่น ได้ 1-4 คน
  • แก้ไขชื่อคนเล่น
  • แก้ไขคะแนนของแต่ละข้อ 
  • แสดงลำดับของคนตอบคำถามถัดไปได้ 
  • คะแนนปรับอัตโนมัติ
  • เปิดเผยคำตอบได้
  • เลื่อนไปคำถามต่อไปด้วยปุ่มเลื่อน 
  • แถบแสดงความคืบหน้าการเล่น 
  • สามารถเพิ่มคำถามใหม่ได้ทันทีระหว่างการเล่น 



การเตรียมแบบสอบถาม

  • เตรียมคำถามและคำตอบ โดยคิดเอง หรือหาจากหนังสือ หรือเว็บไซต์ 
  • กรอกข้อมูลการแข่งขันของผู้เล่น 
  • กรอกข้อมูลที่จำเป็นในการเล่นอื่นๆ 

เหมาะสำหรับ การตอบปัญหาแข่งขันของนักเรียน สำหรับครู หรือฝึกเกมส์ แข่งขันทางวิชาการของเด็กๆ ให้มีความรู้ ความสนุก เพลิดเพลิน และอาจจะจัดหาของขวัญ หรือรางวัล ให้เด็กๆ ผู้ชนะ หรือร่วมแข่งขันด้วย ก็ได้ 


ภาพตัวอย่างหน้าจอของโปรแกรม เป็นแบบสำเร็จรูป แค่เพียงให้ดาวโหลดมา และเปิดใช้งานและ edit ข้อมูลใหม่ตามที่คุณต้องการและบันทึกนำไปใช้งาน ได้ฟรีครับ 

การล้างเครื่องมือถือซัมซุง Hard Reset

โทรศัพท์มือถือ ซัมซุงที่มีปัญหา เครื่องรวน เครื่องช้า เมมเต็ม จิกเต็ม ภาพเต็ม ไวรัส ต่างๆ ทำงานช้า รีบู้ตตัวเอง และ ใช้คำสั่ง คืนค่าโรงงาน Backup and Reset แล้ว ไม่สำเร็จ
จนหลายคนอาจจะต้องนำเครื่องไปว่อมที่ร้าน ซึ่งช่างจะเรียกค่าบริการล้างเครื่อง ไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท และบอกว่า ใช้เวลานาน ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ให้ทิ้งเครื่องไว้ แล้วค่อยมาเอาทีหลัง
เจอแบบนี้เข้าไป ก็ลองศึกษาวิธีการล้างเครื่อง โดยการ Format เครื่อง เพื่อ Set Zero หรือเริ่มต้น คืนค่าการทำงานของเครื่องใหม่ด้วยคุณเองง่ายๆ
ขั้นตอนที่ 1 ปิดเครื่อง โทรศัพท์ของคุณก่อน ถ้าปิดไม่ได้ ก็ แกะฝาหลัง ดึงแบตฯออก แล้วค่อยใส่แบตฯกลับ
ขั้นที่ 2 กด 3 ปุ่มต่อไปนี้พร้อมกัน ปุ่มเพิ่มเสียง + ปุ่ม Power (ปุ่มเปิดเครื่อง) + ปุ่ม Home
รอจนเห็นข้อความยี่ห้อ Samsung แสดงขึ้นมา จึงปล่อยนิ้วออกจากปุ่ม Power (คงค้างไว้ 2 ปุ่ม คือปุ่มเพิ่มเสียง กับปุ่ม Home )


คอยสักครู่ จะปรากฏโลโก้ของ Android ขึ้นมาบนหน้าจอ จากนั้นให้ปล่อยนิ้วทั้งสอง ออกจาก ปุ่มเพิ่มเสียง กับปุ่ม Home

ขั้นตอนที่ 3 ใช้ปุ่ม ลดเสียง เป็นตัวเลื่อน ขึ้น - ลง โดยเลื่อนมาที่คำสั่ง Wipe data /factory reset แปลเป็นไทยคือ ล้างเครื่อง ลบข้อมูล



จากนั้น กดปุ่ม Power เป็นการสั่งทำงาน คล้ายๆ Enter ของปุ่มคอม

จะเข้าสู่ขั้นตอน ที่ 4 ใช้ปุ่ม ลดเสียง เลื่อน ลงไปเลือกคำสั่งลบข้อมูลทั้งหมด Delete All data และกดปุ่ม Power เพื่อยืนยัน


คอยการทำงานจนการล้างเครื่อง หรือ Format จบลง

เครื่องจะ Reboot ขึ้นมา

การเริ่มกำหนดค่าการทำงานของเครื่องใหม่ ตั้งแต่การลงทะเบียนผู้ใช้งาน gmail ของเราใหม่

ปกติ ถ้าเรามีการ Backup ข้อมูล รายชื่อผู้ติดต่อ เบอร์โทรต่างๆ ไว้ใน Google Account ของเรา ระบบก็จะซิงค์และดึงข้อมูลคืนมาให้ได้
แต่ภาพ และคลิปต่างๆ ที่ไม่ได้ Back up ไว้ จะหายหมด ต้อง ทำใจยอมรับในส่วนนี้

แบบว่า เครื่องเรามีปัญหามากจริงๆ แก้ไข ด้วยวิธีอื่นๆ แล้ว ไม่ได้ผล การทำ hard Reset แบบนี้ จึงเป็นทางเลือกท้ายๆ ก่อนจะตัดสินใจจ่ายเงินซื้อเครื่องใหม่



5แอพกล้องถ่ายรูปios

ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง สำหรับผู้ใช้งานมือถือ iphone มาลองดูกันว่าแอพถ่ายรูปที่ได้รับความนิยม และสามารถดาวโหลดกันมาติดตั้งใช้งานกับ iOS ของคุณ มีอะไรกันบ้าง

1. Beautyplus - Selfie Edito for Petty Photos
ใช้ Beautyplus พริบตาเดียวก็สามารถ เปลี่ยนสีผิวของคุณให้สวยงามขาวสว่างได้
เก็บรายละเอียดทั้งผิวและเส้นผม สามารถทำให้หน้าเรียวตัวผอม
ข้อดี รูปภาพคมชัด หน้าสวยหน้าเรียว สามารถลบรอยสิว ริ้วรอยแผลเป็นได้
ข้อเสีย อาจดูดีเกินจริง อาจจะเหมือนเป็๋นการเฟค
ดานว์โหลด Beautyplus สำหรับ ios 8.0 ขึ้นไป
https://itunes.apple.com/ee/app/beautyplus-selfie-camera-for/id622434129?mt=8

 2.Camea360
Camea360 เป้นอีกหนึ่งแอพ ที่ผู้ใช้กว่า 700 ล้านคนทั่วโลกให้คะแนนว่าเป็นแอปที่โดดเด่น มากที่สุด
 ดาวน์โหลด Camea360 สำหรับios 7.0 ขึ้นไป
https://itunes.apple.com/bz/app/camera360-selfie-photo-editor/id443354861?mt=8 




3.B612 
แสดงความเป็นตัวตนของคุณผ่าน B612 ด้วยฟิลเตอร์กว่า 100 แบบ และสติ้กเกอร์อนิเมชันอีก 200 แบบ และจะเพิ่มขึ้นรื่อยๆ
ดาวน์โหลด B612 สำหรับ ios 8.0 ขึ้น
4.Camera+
ทำให้รูปภาพชใชัดขึ้น เพิ่มความสดและความเป้นธรรมชาติให้รูปภาพ
มีฟิลเตอร์ให้เลือกมากมาย สามารถแชร์ผ่าน Facebook Instargam และอื่นๆได้มากมาย
ดาวน์โหลด Camera+ สำหรับ ios 8.0 ขึ้นไป

5.Slow camera shutter Plus PRO 
เพิ่มความน่าสนใจและจุดเด่นให้รูปภาพ สามารถตกแต่ง้วยสติ้กเกิร์มากมายที่แอพมีให้ สามารถ เปลี่ยนเฟคหรือฟิลเตอร์ได้ตามใจชอบ
ดาวน์โหลด Slow camea shuter Plus PRO สำหรับ ios 6.1 ขึ้นไป